วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

รถเล็กแต่ใจใหญ่ คันไหนดี ! ! !

บทความนี้ออกแนวคล้ายๆจะเป็น Buyer's Guide
และรถที่เลือกมาจะเป็นตัวท็อปสี่ประตูของทุกยี่ห้อ
ราคาก็สูงพอสมควร ในระดับ1ล้านบาท แล้ว.....มันจะคุ้มมั้ยล่ะ


ทุกวันนี้ค่ายรถต่างๆก็นำรถยนต์ขนาด compact car ที่ตนมีมาใส่เครื่อง
ขนาดความจุ2.0กันเกือบหมด จากแต่เดิมรถไซส์นี้ความจุสูงสุดก็แค่1.8
แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ค่ายรถชั้นนำเหล่านี้
เลือกที่จะนำเครื่องยนต์ที่เคยประจำการใน midsize sedan มาลงให้กับ
รถเล็กเหล่านี้ แล้วผลที่ได้มันจะเป็นยังไงล่ะ ?



:: Toyota Corolla Altis 2.0 Navi ::

เป็นน้องใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งจะเปิดตัวมาได้ไม่นานนัก รูปร่างภายนอกออกแบบ
มาให้เข้ากับแนวคิดสปอร์ต มีการเปลี่ยนกระจังหน้า แต่งเติมสเกิร์ตรอบคัน
ไปจนถึงสปอยเลอร์หลัง โคมไฟหน้าแบบ HID ที่ปรับระดับอัตโนมัติอีกด้วย

ภายในเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยให้เข้ากับกระแสนิยมด้วยระบบนำทาง(Navi)
Bluetooth ไว้เม้าท์แบบไม่โดนจับ และยังสามารถควบคุมเครื่องเสียง
ได้ที่พวงมาลัยอีกด้วย แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีระบบครูสคอนโทลเอาไว้ใช้
ยามที่เราต้องเดินทางไกลๆจะสบายไม่เมื่อยล้า


::ด้านเครื่องยนต์::
เบนซิน 4สูบแถวเรียง วางตามขวาง DOHC Dual VVT-i
ความจุ 1987cc กำลังสูงสุด 141แรงม้าที่ 5600รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 189นิวตัน-เมตรที่ 4400รอบต่อนาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ sequential 4 speed ขับเคลื่อนล้อหน้า
ราคา 1,184,000บาท

:: weakness ::
แรงม้าที่มีดูจะด้อยกว่าคู่แข่งในปีเดียวกันอยู่มากโข ! ! !



:: Mitsubishi Lancer 2.0 ::

นับได้ว่าเป็นโฉมปัจจุบันที่เก่าแก่ที่สุดในที่นี้ เพราะอายุของมันก็ปาเข้าไป
หกปีได้แล้วมั้ง นับจากวันแรกที่มันเผยโฉมออกมา ซึ่งในตอนนี้ก็อยู่ในช่วง
ท้ายๆของชิวิตมันแล้วที่จะได้อยู่บนโชว์รูม ก็เลยไม่มีอะไรจะพูดมาก แค่เอา
มาลงไว้เป็งพงศาวดารเฉยๆ เพราะปลายปีนี้โฉมหน้าฉลามจะเข้ามาแล้ว
ไชโย!!!! หลังจากที่รอมาตั้งนาน ปล่อยให้คู่แข่งยอดขายนำไปไกลลิบ
แล้วก้อตอนนี้ตัว2.0ไม่มีในไลน์การขายของไทยแล้วด้วย จะมีก็แต่ตัว1.6
ที่ใช้ได้ทั้ง CNG และE20 มาประโคมขายกันเต็มที่ กะว่าจะเลหลังให้หมด
แต่ก็ดีนะ ใครที่ซื้อช่วงนี้ นอกจากจะได้ราคาที่ถูกแล้ว ของแถมอีกเพียบบบ

ภายในที่หรูหราแบบเรียบๆ? ไม่มีทั้งระบบนำร่อง จอLCD หรือแอร์ดิจิตอล
ก็มันแน่ล่ะ สมัยนั้นไม่จำเป็นไม่มีใครNeedของแบบนี้สักเท่าไหร่

ดูจะธรรมดาไปหมดกับแลนด์เซอร์ตัวนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ดึงดูใจลูกค้าได้
นั่นก็คือ เครื่องยนต์ รหัส4G63ตัวนี้ ซึ่งบรรดานักแต่งรถใหญ่น้อยทั้งหลาย
รู้จักกันดี สามารถสร้างความสนุกสนานเร้าใจในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี
และยังสามารถปรับแต่ง ใส่นู่นนี่ได้โดยง่าย

:: ด้านเครื่องยนต์ ::
เบนซิน 4สูบแถวเรียง วางหน้าตามขวาง รหัส 4G63
ความจุ 1,997 ซีซี กำลังสูงสุด 135แรงม้า ที่ 5,750 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 179.3 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ4 จังหวะ INVECS-II
ราคา(ในสมัยนั้น) 959,000บาท


:: weakness ::
เก่า แรงน้อยไปมากๆ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกไม่มีเท่าคนอื่น ไม่โดดเด่น
แต่ทั้งหมดนี้เพราะมัน เกิดก่อนเขานั่นเอง
และ ไม่มีขายแล้วจ่ะ



:: Honda Civic 2.0 Navi ::

แรงสุดในพิกัด และความนิยมดูน่าจะสูงที่สุดไปด้วย ถึงแม้มันจะอยู่ในตลาดมา
ค่อนข้างพอสมควรแล้ว แต่ทางhondaก็มีการปรับปรุงเล็กๆน้อยๆไปเรื่อยๆ
ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงโฉมอย่างที่เค้าว่าคือ ไฟหน้า ไฟท้าย และอื่นๆอีก
ก็คงขอบอกว่า แทบจะดูไม่ออกเลยว่าเปลี่ยนไปแล้ว (จริงไหมT____T)

หลายคนอาจจะบอกว่าcivicนี่แหละ ดีที่สุดของคลาสนี้แล้ว ไร้ที่ติแน่นอน
มันเป็นไปบ่ได้หรอกครับรถแบบนั้น รถทุกคันย่อมมีข้อด้อยของมันในตัวเสมอ
ส่วนบางคนก็มีอคติกับhondaตั้งแต่มีคดีทุบรถ ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น! ! ! !
โดยเฉพาะcivic แต่เป็นโฉมเก่านะ คือแบบว่า บางมั่กๆ เรย
ย้ำว่าเป็นโฉมเก่า โฉมนี้คงจะได้รับการปรับปรุงมาแล้ว(มั้ย! ฮอนด้าบอกผมที)

การออกแบบภายในโอ้วพระเจ้า ล้ำมากๆๆๆ โดนใจแบบสุดๆไปเลย
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆเช่นระบบpaddle shift บนพวงมาลัย
และยังสามรถปรับเสียงเครื่องเล่นได้อีกด้วย(บนพวงมาลัย) คันนี้จะพ่วง
ระบบเนวิเกเตอร์ และจอDVD ปรับองศาได้สามระดับ
ด้านความสะดวกสบายในการขับขี่นั้นมีระบบรํกษาระดับความเร็วมาให้

ที่บอกว่าแรงสุดในพิกัดก็ไม่น่าจะผิดอะไรเพราะความเร็วปลายไหลไปจนถึง
220กม/ชม และความประหยัดน้ำมันขอมันนั้นเกือบๆจะ15กม/ลิตรแล้ว

::ข้อมูลเครื่องยนต์::
บล็อกสี่สูบแถวเรียง i-vtec วางหน้าตามขวาง ขับเคลื่อนล้อหน้า
ความจุกระบอกสูบ 1998ซีซี กำลังสูงสุด155แรงม้า ที่ 6000รอบ
แรงบิดสูงสุด 188นิวตันเมตร ที่ 4500รอบต่อนาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ 5จังหวะ
ราคา 1,101,000บาท

::weakness::
ทัศนวิสัยในการขับขี่ที่หลายๆคนบอกว่าเสาคู่หน้ามันบัง มองไม่ค่อยชัด,
ราคาอะไหล่บางชิ้นที่แพงระดับที่ว่าทิ้งห่างรถยุ่นไปเยอะจนเกือบเท่ารถยุโรป
และความแข็งแรงของตัวถังที่ยังเป็นที่น่าสงสัย(มั้ย)



:: Mazda3 2.0 ::


ใกล้จะสิ้นอายุขัยแล้วกับเจ้า3โฉมนี้ แต่ทำมั้ย ทำไม กลับขายดิบขายดี
ตั้งแต่มอเตอร์โชว์ ที่ออก3moveมาอ่ะ ทั้งๆที่ไม่ต่างเท่าไรนักจากเดิม

รูปลักษณ์ภายนอกให้อารมณ์สปอร์ตได้เป็นอย่างดี มากกว่าฟอร์ดเพื่อนซี้เยอะ
มีการปรับโฉมครั้งใหญ่เมื่อปีก่อนมั้ง จำบ่ได้แล้ว
จุดเด่นของเจ้านี่หลักน่าจะเป็นระบบช่วงล่างที่หลายคนบอกว่ามันดีมาก
มากขนาดไหน มากขนาดยกย่องให้เป็น BMW japan เลยก้อว่าได้
ให้ความรู้สึกที่สปอร์ตมากๆ (รู้สึกยังไงบอกไม่ถูก ต้องลองเอาเองจะรู้)

ภายในที่ออกแบบตามสไตล์คอนเซปต์ piano black มาตรวัดแบบสามวง
เครื่องเสียงที่เล่นซีดีmp3ได้ถึงหกแผ่น ปรับความดังของเสียงได้ที่พวงมาลัย
และที่น่าสนใจคือกุญแจอัจฉริยะแบบคีย์การ์ด เปิดปิด และสตาร์ทรถโดยไม่
ต้องใช้กุญแจเสียบ ระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศยังคงเป็นแบบมือบิดอยู่


::ด้านเครื่องยนต์::
เครื่องยนต์ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,999 ซีซี ระบบวาล์วแปรผัน S-VT
กำลังสูงสุด 147 แรงม้า(PS) ที่ 6,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 182นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโมมัติ 4ระดับ มีโหมดบวกลบ
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 13.92 กม/ลิตร (จริงๆแล้วควรจะดีกว่านี้)
ราคา 990,000บาท
:: weakness ::
อายุที่ใกล้ฝั่งเต็มที ไม่มีจอหรือเนวิเกเตอร์มาให้ อัตราการสิ้นเปลืองที่
มากกว่าคนอื่นเค้า(นิดนึง)


:: Ford Focus TDCi 2.0 ::
หนึ่งเดียวในเซกเมนต์นี้ที่กล้าหาญเอาเครื่องยนต์ดีเซลทรงพลังเข้ามาทำตลาด
โดยที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างภายนอกไปพร้อมกันด้วยซะเลย และ
พัฒนาเทคโนโลยีเกียร์รูปแบบใหม่ที่ฟอร์ดเรียกว่า power shift 6 speed
เกียร์อัตโนมัติ6ระดับ แบบครัชต์คู่ จะให้อธิบายเรื่องคุณภาพของเกียร์
นี้ก็ขี้เกียจเพราะมันยาว เอาเป็นว่ามันเป็นเกียร์อัตโนมัติที่สุดยอด และ
ล้ำหน้ากว่าทุกยี่ห้อ ส่งให้มีความสนุกสนาน อีกทั้งประหยัดน้ำมันมากกก
ถึงแม้ภายนอกกับเครื่องยนต์จะมีการเปลี่ยนแปลงแต่สำหรับภายในนั้น
ไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลงอะไรมากนั้น และยังไม่มีการใส่ระบบนำทาง
และจอแสดงมาให้ถึงแม้จะเป็นรุ่นท็อปก็ตาม นับว่าตามหลังคู่แข่งอยู่
ไม่น้อยเหมือนกัน แต่การปรับปรุงภายในก็ถือว่าน่าใช้ขึ้นมาพอสมควร
นอกจากนี้ฟอร์ดยังเป็นรถที่มีระบบควบคุมความเย็นแบบแยกซ้ายขวาได้
และก็ยังมีแอร์ทางด้านหลังมาให้อีกด้วย

เครื่องยนต์ถือเป็นพระเอกของเรื่องนี้ เพราะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลนี้พัฒนา
มาอย่างมีประสิทธิภาพ แรง เร็ว ประหยัด อย่างมาก
ประหยัดน้ำมันถึง 17กม/ลิตร ซึ่งนั่นประหยัดที่สุด เพราะรถระดับนี้ปกติ
แล้วก็ราวๆ15กม/ลิตร อีกทั้งคันนี้ยังเป็นดีเซล มันถูกกว่าเบนซินนิ ใช่ป่ะ
อีกทั้งความเร็วสูงสุดถึง 205กม/ชม และอัตราเร่งที่0-100 อยู่ในระดับ
ที่ดีที่สุดแล้วละมั้ง(9.55วินาที ในขณะที่ซีวิคทำได้10.38วินาที)
.
:: ข้อมูลเครื่องยนต์ ::
รหัส DW10 บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,998 ซีซี
กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/นาที และ
แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที แต่เมื่อใดที่เร่งแซง
มันจะรีบออกกมาได้อีก20นิวตันเป็นเวลา8วินาที รวมแล้ว340นิวตันเมตร
ใกล้ๆกับพวกกระบะบ้าพลังเข้าไปทุกทีแล้วสิ
ราคา 1,149,000 บาท
.
:: weakness ::
จุดด้อยทั้งชีวิตของฟอร์ดคือราคาขายต่อที่ร่วงมากๆ บริการหลังการขาย
ที่หลายคนบ่นเอา ส่วนในข้อด้อยด้านตัวรถก็จะมีแค่ระบบนำทางที่ในรถ
ราคาระดับนี้ควรจะมีให้ได้แล้ว (ซึ่งที่มีก็เพียงพอแล้วนะ ผมว่าอ่ะ)
.
สรุปคันไหนน่าซื้อที่สุด........................................................................
..................................มันก็อยู่ที่ตัวคุณเองว่าใจชอบแบบไหนละค้าบบบ^^
.
ปล. ตัดสินใจให้รอบคอบก่อนจะซื้อรถ ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดี
น้ำมันไทยก้อแพง ทั้งๆราคาน้ำมันที่ตลาดโลกถูกลงเรื่อยๆ
แล้วก็อย่าซื้อเพราะเชื่อใคร อย่าซื้อเพราะมีคนเคยใช้บอกว่าดี
อยากให้ทดลองขับด้วยตนเอง และเลือกในสิ่งที่ตัวเองชอบแหละครับ
ย่อมจะดีที่สุดแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

:: Engine of the Year 2009 ::


ประกาศผลแล้ว รางวัลที่ค่ายยานยนต์ทั้งโลกรอคอยสำหรับปีนี้โดยมี
คณะกรรมการ 65 ท่านจาก 32 ประเทศ ในการตัดสินคณะกรรมการจะ
ต้องขับรถทุกรุ่นที่แต่ละยี่ห้อส่งเข้าประกวด (อยากไปร่วมตัดสินจัง>_<)
ในปีนี้จะเน้นการตัดสินไปที่กำลังของเครื่องยนต์ การปล่อยมลพิษ และ
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ว่าใครคุ้มค่าและดีที่สุด


:::เครื่องยนต์ขนาดต่ำกว่า1ลิตรยอดเยี่ยมแห่งปี:::
Toyota 1-litre three-cylinder (ติดตั้งใน Toyota Aygo,Peugeot 107)

รางวัลนี้ถือว่าเป็นรางวัลในรุ่นเล็กที่สุด กรรมการหลายคนชมว่าเป็นเครื่อง
ที่มีเรี่ยวแรงดีที่สุดในการขับขี่ในเมือง อีกทั้งเครื่องยนต์น้ำหนักมีเบา
ส่งผลให้อัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่26.35กม/ลิตร
สำหรับที่สองของระดับนี้มาจาก Smart Diesel 799cc (Smart Fortwo)


:::เครื่องยนต์ขนาด1-1.4ลิตรยอดเยี่ยมแห่งปี:::
Volkswagen 1.4-litre TSI Twincharger(ติดตั้งในGolf,Scirocco, Eos)

แม้จะมีความจุกระบอกสูบที่เล็กแต่กำลังที่ได้มานั้นมากเท่ากับขนาด2.0
โดยใช้ใช้เทอร์โบชาร์จและซูเปอร์ชาร์จช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์แบบ
นอกจากจะแรงแล้ว อัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่19.34กม/ลิตร
สำหรับที่สองของระดับนี้ก็เป็นของVolkเช่นเดียวกัน(1.4-litre TSI Turbo )


:::เครื่องยนต์ขนาด 1.4 – 1.8 ลิตรประจำปี:::
BMW-PSA 1.6-litre Turbo (ติดตั้งใน Mini Cooper S, Peugeot 207)

เครื่องยนต์บล็อกนี่เกิดจากการร่วมมือกันของBMW และเปอร์โยต์เพื่อลด
ต้นทุนในการผลิตเครื่องยนต์ และทดแทนเครื่องรุ่นเก่าที่สู้คนอื่นไม่ค่อยได้แล้ว
คณะกรรมการส่วนใหญ่ลงมติว่าเครื่องนี้สร้างสมดุลการขับขี่ความเร็วสูงได้ดีมาก
และยังประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก (17.38 กิโลเมตร/ลิตร)
ที่น่าแปลกใจที่สุดคือเครื่องยนต์นี้ชนะคู่แข่งอย่างเครื่องไฮบริดของโตโยต้า
(Toyota Hybrid 1.8-litre)ที่วางในพรีอุสใหม่ไปอย่างขาดลอย


:::เครื่องยนต์ขนาด 2 – 2.5 ลิตรแห่งปี:::
Mercedes-Benz Diesel 2.1-litre (ติดตั้งใน BlueEfficiency E-Class)

จุดเด่นที่ได้รางวัลนี้คือเทอร์โบชาร์จแบบ 2 สเตจที่เล็กลงแต่กำลังอัดสูง
ด้วยรอบหมุนอากาศที่ 215,000 รอบต่อนาทีพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ขนาด
ใหญ่กว่าเดิม ให้แรงม้าและสมรรถดีกว่า ประหยัดและมลพิษก็ต่ำ
ที่สองของความจุนี้คือ Audi 2.5-litre five-cylinder Turbo (Audi TT RS)


:::เครื่องยนต์ขนาด2.5 -3 ลิตรยอดเยี่ยมประจำปี:::
BMW 3-litre DI Twin Turbo (135, 335, X6, Z4, 730)

เครื่องยนต์บล๊อกนี้เป็น 6 สูบแถวเรียง ติดตั้งเทอร์โบคู่ฝั่งละ 3 สูบ
ทำให้รีดกำลังตีนต้นได้ดี ความเร็วปลายก็ทำได้ดีมากด้วยกำลังสูงสุด 302 แรงม้า
ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร
อัตราสิ้นเปลืองเครื่องนี้ถ้าจับคู่กับเกียร์autoคลัตช์คู่ 7สปีดจะอยู่ที่13.34 กม/ลิตร
(นั่นคือกินเท่ากับรถขนาด1.5ลิตรบ้านเราเลย)
ที่สองของตารางในความจุนี้คือ BMW Diesel 3-litre Twin Turbo
(สังเกตุดูว่าBMWจะเก่งมากกับเครื่องหกสูบแถวเรียงแบบนี้)



:::เครื่องยนต์3-4 ลิตรประจำปี:::
BMW 4-litre V8 (ติดตั้งในรุ่น M3)

เครื่องยนต์บล๊อกนี้ทิ้งขาดคู่แข่งมากกว่า 150 คะแนน จุดเด่นของมันมากมาย
เช่นน้ำหนักเบา รอบที่ลากได้สูงมากกกก พละกำลัง 414 แรงม้าของมันลากตัว
ของM3ไปได้อย่างว่องไว อีกทั้งการใช้เชื้อเพลิงยังสมเหตุสมผลด้วย
ที่สองของตารางคือ Porsche 3.8-litre flat six DI (911)



:::เครื่องยนต์มากกว่า 4 ลิตรประจำปี:::
Mercedes-AMG 6.2-litre (ติดตั้งใน CLK, S, ML)

AMG บริษัทลูกในเครือพัฒนาเครื่องยนต์ตัวนี้ให้มีสมรรถนะที่โดดเด่นมาก ๆ
แบบไม่มีใครเทียบ นอกจากนี้แล้วอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดูน่าสนใจทีเดียว
โดยในรุ่น C63 AMG ทำได้8.9 กิโลเมตร/ลิตร แค่นี้เอง
ที่สองในคลาสนี้จะเป็นอดีตเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมสี่ปีซ้อนนั่นก็คือ เครื่องวี10
จากค่ายใบพัดฟ้าขาว BMW 5-litre V10 (M5, M6) ในคราวนี้เสียแชมป์
ไปหมด ก็แน่ล่ะก็เครื่องมันเก่าหลายปีแล้วสู้ของใหม่ๆไม่ได้หรอก
แฟนๆเครื่องใหญ่ของBMWคงต้องรอดูกันต่อไปว่าเครื่องgenerationใหม่ๆ
จะเป็นอย่างไร