วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

520i E60 ซีรี่ย์5ในงบประหยัด

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าซีรี่ย์5 E60 ได้ปิดตัวลงอย่างงดงาม เพื่อหลีกทาง
ให้กับF10 ซีรี่ย์5คันใหม่ล่าสุดจากค่ายใบพัดฟ้าขาว แต่ผมเชื่อว่ามี
หลายๆท่านยังชอบในความเป็นE60อยู่ไม่น้อย แต่ด้วยกำลังทรัพย์ที่มี
ไม่เพียงพอจะถอยป้ายแดงในยุคนั้น พอตอนนี้เป็นรถโฉมเก่าในตลาด
มือสอง จะไปถอยเอา525i ก็ยังรู้สึกว่าแพงเกินไป
.
บทความนี้ผมจึงขอแนะนำ 520iA ในบอดี้E60 ที่ราคาในตลาดมือสอง
ยังพอจะคบหาได้ ส่วนหน้าตานั้นผมพูดเลยว่า ไม่ได้ต่างจาก525iเลย
(ภาพประกอบบทความเป็น530iตัวแรก)
ในช่วงแรก520i ถูกวางตัวในตลาดที่ต่ำกว่า525i ก่อนที่จะมี523iเกิดขึ้น
เพื่อเป็นการเสริมทางเลือกให้กับลูกค้าที่ใจรักแต่กระเป๋ายังไม่หนักพอ
(อุดรอยรั่วตลาดของตนนั่นเอง)
.
แน่นอนว่าอุปกรณ์ต่างๆก็ต้องถูกลดทอนลงไปเป็นธรรมดา เช่นล้อแม็ก
ถูกลดลงมาเป็น16นิ้ว ไฟหน้าแบบเลี้ยวตามอัตโนมัติก็ถูกตัดออกไป
ระบบแอร์ที่ปรับได้หลากหลาย กับบางฟังก์ชั่นของiDriveก็ถูกตัดออกไป
(ซึ่งผมว่าเป็นข้อด้อยที่ดีแล้ว เพราะเมื่อลงมาในตลาดมือสอง อายุมันเริ่ม
มากขึ้น อุปกรณ์ไฮเทคบางอย่างต้องได้รับการดูแล ไอ้ที่ตัดออกไปเนี่ย
มันช่วยให้ความจุกจิกมันน้อยลงโขเลยทีเดียว)

ผมว่าถ้าเราเปลี่ยนลายล้อแม็กซะใหม่ แล้วแปะท้าย530iเข้าไปแบบนี้
ผมว่าคงมีคนหลงเชื่อไม่น้อยเลยทีเดียว อิอิ^__^
เซียนก็เซียนเหอะฟะ โดนหลอกมาแล้วก็มี

ภายในที่ถอดแบบกันมา เหมือนกันหมดในE60ทุกรุ่น จะต่างกันก็แค่เพียง
รายละเอียดเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง
(Ver. thai จะเป็นเกียร์อัตโนมัติทั้งหมดนะ ในรูปมันของตปท)
.

แต่เดิมนั้น 520i จะเป็นเครื่องยนต์ความจุ2ลิตร ทั้งสิ้น ตั้งแต่มีการใช้
เครื่องM20B20 และM50B20ในE34 M52B20ในE39
พอมาถึงE60กลับกลายเป็นเครื่อง2.2ลิตรไปซะแล้ว แต่ยังเป็นบล็อก
6สูบแถวเรียงเหมือนเดิม

M54B22 Double-Vanos 6สูบ DOHC 24วาล์ว
ให้กำลังสูงสุด 170แรงม้า ที่ 6,100รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 21.4kg-m ที่ 3,500รอบต่อนาที
เชื่อมต่อกับเกียร์อัตโนมัติ6สปีด ของZF
.
หน้าตาของเครื่องยนต์ไม่ต่างอะไรกันกับ525i 530iที่ใช้เครื่องM54เลย
อย่างที่บอกแหละ แปะท้ายเป็น530iก็ม่ายมีใครรู้ 555
.
ราคาในตลาดมือสองจะป้วนเปี้ยนแถวๆ 1.4-1.8ล้านบาท ตามปีของรถ
และสภาพ ซึ่งเป็นราคาที่น่าสนใจทีเดียว ด้วยสมรรถนะที่ไม่เป็นรอง525i
เท่าไหร่นัก บวกกับศักดิ์ศรีความเป็นBMWแล้ว ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดีของ
ซีดานหรูขนาดกลางในตลาดมือสองสำหรับวันนี้

วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

X-series eXtream family


กว่าหนึ่งทศวรรษแล้วที่ BMW ได้เปิดตัวโครงการรถเอนกประสงค์บน
แนวคิดใหม่ Sport Activity Vehicle (SAV) ซึ่งเป็นการผสมผสาน
เอาคุณสมบัติความเป็นสปอร์ต ปราดเปรียว แบบซีดาน มาใส่ไว้ในรถ
ทรงSUVที่กว้างสบาย ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย
.
X-series คันแรกเปิดตัวในงานดีทรอยต์มอเตอร์โชว์ ปี1999 โดยใน
ขณะนั้นเลือกที่จะส่ง X5(E53) ชิมลางในตลาดก่อน ผลที่ได้คือ
Feedbackที่ดีมากกกก มากขนาด BMWใจกล้าพอที่ส่ง X3และX6
คลานตามออกมา
.
สิ่งที่ทำให้ BMW ประสบความสำเร็จกับโครงการSUVก็คงเป็นเพราะ
ให้อารมณ์ในการขับขี่ไม่ได้ต่างจากเก๋งซีดานนัก หนึบแน่น เกินกว่าที่
รถอ้วนๆหนักๆพวกนี้จะทำได้ก็คงจะเป็นผลมาจากการที่ทางBMW
ใช้ระบบโครงสร้างแบบ Monocoque ซึ่งไม่ใช่แบบวางตัวถังลงไปแหมะ
บนแชสซี นอกจากนี้ยังใช้ระบบช่วงล่างอิสระ และ Dynamic Stability
Control หรือDSC อีกด้วย
.
จากวันนั้นสู่วันนี้ X-series ได้ขยายโครงการ แตกไลน์เพื่อให้ตรงกับ
ความต้องการในตลาด จนทุกวันนี้ X-series ประกอบไปด้วย X1
X3 X5 และ X6
.
BMW X5 (E70)
E70 X5รุ่นปัจจุบัน เป็นเจนเนอเรชั่นที่2 เปิดตัวสู่สาธารณะเมื่อราวๆ
ปลายปี2006 แม้จะเป็นรุ่นโมเดลเชนจ์แล้ว แต่ถ้าดูเผินๆเมื่อเทียบกับ
รุ่นเก่าแล้ว(E53)ไม่ค่อยจะแตกต่างนัก-*-

ในช่วงหลายปีหลังๆมานี่คงต้องยอมรับว่าเส้นสายรอบคันไม่แข็งกร้าว
ดังเช่นที่เคยเป็นมา หากแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ชดช้อย
เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัว (เหมือนเป็นเกย์เลยอ่ะ#_#)
มิติตัวถังใหม่ ยาวถึง4.85เมตร กว้าง1.93เมตร สูง1.76เมตร และระยะ
ฐานล้อยาวขึ้นเป็น2.93เมตร นับว่าใหญ่ขึ้นทุกสัดส่วน(อ้วนขึ้นนะเรา)

ด้านเครื่องยนต์ ในต่างแดนอันไกลโพ้นนั้นมีให้เลือกเยอะแยะเชียว
แต่บ้านเรามีตัวเลือกไม่มาก(นอกจากที่กลุ่มเกรย์มาร์เก็ตนำเข้า)
อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีตัวเลือกไม่มาก แต่ก็มีตัวเลือกที่ดีทีเดียว
:: X5 XDrive 3.0d
M57D30TU แบบ 6สูบ แถวเรียง 24วาล์ว 2,993ซีซี
ให้กำลังสูงสุด231แรงม้า ที่4,000รอบต่อนาที แรงบิดถึง520นิวตันเมตร
นับว่าบ้าพลังใช้ได้(หรอออ นี่มันบ้าพลังมากกกกชัดๆ)
เชื่อมต่อกับเกียร์อัตโนมัติ6สปีด ด้วยเฟืองท้าย3.64
ทั้งหมดนี้ทำให้สามารถเร่งความเร็วได้อย่างปรู๊ดปร๊าด
โดยที่ 0-100กม/ชม อยู่ที่ราวๆ10วินาที ความเร็วสูงสุดเกิน200กม/ชม
อย่างเพิ่งคิดว่ามันจะสูบน้ำมันในถังอย่างกระหายนะครับ เพราะจากการ
ทดสอบของสื่อต่างพบว่าอยู่ในระดับ13-15กม/ลิตรเลยทีเดียว
.
สรุปแล้ว ราคาเท่าไหร่อ่ะ? ตอบเลยว่าประมาณหกล้านบาท เจี๊ยกกก
แพงชะมัด(สำหรับผม) แต่ถ้าเทียบกับsuvกลุ่มหรูแล้ว ก็นับว่าคุ้มกว่า
ก็นะ เรี่ยวแรงดีระดับซีดาน แต่กินน้ำมันแค่วีออสสสสส
.
BMW X1 (E84)
X1 มินิเอสยูวี น้องใหม่จากค่ายใพัดฟ้าขาว ถูกว่างตัวในตำแหน่งการ
ทำตลาดที่เล็กกว่าX3 (แต่ขนาดเล็กกว่าx3ตัวปัจจุบันไม่มากเท่าไหร่)
คงจะหวังมุ่งเจาะตลาดกลุ่มคนโสด ใช้ชีวิตในวันหยุดละมั้ง
มิติตัวถังเป็นดังนี้ กว้าง1.798เมตร ยาวถึง4.45เมตร สูงแค่1.54เมตร
ก็ไม่ใหญ่โตนัก เหมาะกับการใช้งานในเมืองแลชีวิตประจำวันทั่วไป
ดีไซน์ภายในได้รับอิทธิพลการออกแบบจากซีรี่ย์1อย่างเห็นได้ชัด
ตำแหน่งนั่งในการขับขี่ไม่ค่อยสูง พอๆกับเก๋งซีดานทั่วไป
.
เครื่องยนต์ก็มีให้เลือกมากหลายเวอร์ชั่น(ในต่างแดนอันไกลลลโพ้น)
ดังเช่นเดียวกับพี่X5ของมัน แต่ที่อยากแนะนำจริงๆคือ sDrive20d
:: N47D20 แบบ 4สูบแถวเรียง 16วาล์ว ความจุ1,995ซีซี
ให้กำลังสูงสุด 177แรงม้าที่ 4,000รอบต่อนาที และแรงบิดสูงถึง
350นิวตันเมตร ที่1,750-3,000รอบต่อนาที
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงป้วนเปี้ยนแถวๆ14-16กม/ลิตร
เครื่องยนต์นี้เป็นเครื่องสหกรณ์ใช้ทั่วไปในหลายซีรี่ย์ของBMW
นับว่ามีคุณภาพมากทีเดียว แต่อยากให้อัพเดตเป็นเวอร์ชั่น184ม้า
อย่างที่320dได้นำเครื่องเวอร์ชันนี้ลงนำร่องไปแล้ว
.
The new X3
ก้าวสู่ยุคใหม่ รหัสใหม่F-code F25 แชร์พื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกับ
ซีรี่ย์3 พูดง่ายๆคือพัฒนาจากซีีรี่ย์3นั่นเอง
โดย F25นี้เองออกแบบมาในแนวคิดของBMW ยุคใหม่ มีเส้นสายข้างลำ
ที่คมเข้ม พลิ้วไหว แต่ก็นะ ดูจะเรียบง่ายว่าพี่น้องมันมากทีเดียว
ซึ่งX3ใหม่นี้ต้องทำตลาดในยุคที่มีการแข่งขันกันสูงกว่าสมัยที่รุ่นแรก
เปิดตัวออกมา เพราะตอนนี้มีทั้งQ5 GLK และอื่นๆอีกมากที่อยู่ในกลุ่ม
ตลาดเดียวกันนั่นเอง
มิติตัวถังมีความยาวเพิ่มขึ้นจากเดิม 83 มิลลิเมตร ความกว้าง 28 มิลลิเมตร
ความสูง 12 มิลลิเมตร และฐานล้อยาวขึ้น 15 มิลลิเมตร
ภายในออกแบบได้BMWismม๊ากมากกก รู้สึกว่าในX3ใหม่นี้จะเป็นเบาะ
นั่งแบบ3แถว 7ที่นั่ง (อาจจะเป็นออพชั่นเพิ่ม)
สำหรับเครื่องยนต์ที่เปิดตัวมานั้นมีทั้งแบบดีเซล4สูบ และเบนซิน6สูบ
ผมคิดว่าถ้าเปิดตัวจริงในไทย รุ่นที่น่าสนที่ซู๊ดดด ก็คงจะไม่พ้นดีเซล
2.0 177แรงม้าเป็นแน่นอน เพราะX3 2.0dรุ่นก่อนสร้างชื่อเสียงเรื่อง
พละกำลังกับความประหยัดไว้อย่างดีเยี่ยม (แต่ก็มีชื่อเสียในเรื่องการ
ประกอบชิ้นส่วนกับความเมื้อยล้าในการขับขี่อยู่ไม่น้อย)
แต่ก็มีข้อให้คิดอยู่ว่าน้ำหนักตัวกับขนาดรถที่เพิ่มขึ้นนั้นแล้วถ้ายังใช้
เครื่อง177แรงม้าตัวเดิม ชื่อเสียงที่มีอยู่อาจจะลดลงไปก็เป็นได้
แต่ถ้าเป็นตัว184หรือ204แรงม้าไปเลยผมว่าจะดีมาก(แอบเชียร์ อิอิ)
.
แอบคิดเล่นๆว่าถ้าเค้าทำX3M โดยเอาเครื่องของM3 V8มาใส่คงจะ
มันสะใจน่าดู
.
จริงๆแล้ว X-familyยังขาด พี่รองอย่างX6แต่ผมไม่ไหวละ ดองบทความ
มานานมากกกแล้ว (ดูวันที่ด้านบนดูสิครับ)
ไม่รู้จะดองทำไมเหมือนกัน ในเมื่อมันไม่ค่อยได้สาระเท่าไหร่เลย
เหอะๆๆ สัญญาว่าบทความหน้าจะเขียนให้มีสาระความรู้มากกว่านี้^_^"
20/10/2010

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แงๆๆ รถเสยทางเท้า ทำไงดี

เช้าวันหนึ่ง คุณพ่อผมขับรถออกไปทำงานตามปกติ แต่.... วันนี้ไม่ปกติ
ตอนที่กำลังถอยรถออกจากโรงรถนั้น จังหวะที่เดินหน้าเพื่อตั้งลำรถ
เหตุก็เกิด โคร้ม!!!! พ่อผมบอกว่ากะจังหวะผิด นึกว่าขับอีกคันอยู่>_<

ถ้าเป็นE34 ทั่วไป ทางเท้าเตี้ยแค่นั้นพ้นแน่นอนครับ ไม่มีทางสัมผัสกัน
แต่ ไม่ใช่กับรถที่สูงจากพื้นไม่ถึงคืบดีอย่างรถผม
ผลที่ปรากฏ ซูมจะๆ หายไปเลยทั้งแถบ............. T_T
.
ก็มานั่งคิด(อยู่คนเดียว)ว่าทำไงดี(ฟะ) ถ้าเอาไปอู่ ก็ต้องถอดกันชนทิ้งไว้
ให้เค้าซ่อม ไม่รู้ว่ากี่วันจะได้ ส่วนเรื่องราคาก็คงไม่มากเท่าไหร่ .....มั้ง
แต่ไม่อยากเสียตังอ่ะ
.
ทันใดนั้นเอง ตาก็เหลือบไปเห็นกระป๋องมหัศจรรย์(ไม่ติดเรทนะ)
นั่นคือ เคมีก่อสร้างยี่ห้อบอสนี่ ตั้งอยู่บนกล่องเครื่องมือ
ก็เลยปิ้งๆไอเดียขึ้นมา ว่ามันก็คล้ายกับสีโป้วนี่หว่า อืม..ม..... สนุกละ
.
ผมก็จัดแจงค่อยๆโบกมันเข้าไปจนได้อย่างที่เห็นนี่
รอให้แห้งสนิท จากนั้นใช้กระดาษทราบขัดออก กลึงไปเรื่อยๆ
จนคิดว่ามันดูดีแล้ว ตามภาพด้านล่างนี้

ขั้นตอนต่อไป คือการพ่นสีทับเข้าไปซะ แต่ก่อนหน้านั้นต้องเตรียม
ป้องกันส่วนอื่นๆเสียก่อน เดี๋ยวพ่นแล้วจะลามไปที่อื่น งานจะเข้าหนัก
สีที่ใช้ก็ สี่กระป๋องธรรมดา้ๆ นี่แหละ พ่นมันไปเลย แต่แล้วงานก็เกิดอีก
เมื่อสีมันไม่เท่ากัน ก็เลยต้องถึงกับต้องพ่นทั้งหมด
ผลที่ออกมา ก็พอรับได้(ก็ไม่ใช่ช่างนิ แค่นี้ก็ดีแล้ว) ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่
แต่ก็ดีกว่าที่คิดไว้ (ที่มันสะท้อนเงาๆ เป็นเพราะเฟลชจากกล้องนะครับ)
เมื่อมองจากด้านหน้า ก็เห็นเป็นตำหนินิดๆ แต่แม่ผมบอกว่ามันไม่มีใคร
ทะลึ่งก้มไปมองหรอก >__<"
.
ก็จบกันไปสำหรับบทความDIY แบบมั่วๆ

ไม่ต้องเสียเงินให้อู่ ไม่ต้องเสียเวลามาก สบาย^^
เสียแต่แรงอย่างเดียว


จะบอกว่าจากวันที่ชน มาถึงตอนนี้ก็ปีครึ่งแล้ว ไอ้ที่ผมทำไว้มันก็ยังคง
อยู่ดีมีสุข ไม่หลุดร่อนออก
แล้วก็ไม่มีใครทะลึ่งก้มไปมองจริงๆด้วยหล่ะ มองไปเผินๆไม่มีใครรู้555




วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

BMW E34 ::The Legend of 5::


ต้องยอมรับช่วงนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถพบเห็นรถรุ่นนี้ได้
อย่างไม่ยาก เห็นมากกว่าเมื่อตอนมันเปิดตัวเสียอีก ทั้งนี้อาจ
เนื่องจาก ราคาค่าตัวของมันในตลาดมือ2 ที่ต่ำมาก เมื่อเทียบ
กับค่าอื่นๆ ที่ขนาดตัวใกล้ๆกัน อีกทั้งเมื่อนำไปติดแก๊สแล้ว ยัง
มีพื้นที่เก็บของด้านท้ายอยู่มากโข หากไม่พอใจในเครื่องยนต์
หรือว่าเครื่องพังแล้ว การนำไปเปลี่ยนเครื่องก็ทำได้ง่าย
ส่วนมากแล้วจะวางJZ เทอร์โบได้ พื้นที่ในห้องเครื่องใหญ่พอ
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ กระแสความนิยมของมันจึงมากขึ้น
.
แต่ ถ้าคุณเป็นหนึ่งในผู้ใช้รถE34 อยากถามว่ารู้จักมันมากน้อย
เพียงใด ติดตามความรู้เล็กๆน้อยๆได้ในบทความนี้
.
.
BMW E34 ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อปี 1989 ทำตลาดแทนที่ E28
ตัวถังมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยความกว้าง 1.751เมตร
ยาว 4.20เมตร (ซึ่งกว้างกว่าE28 ราวๆ 5ซม. ยาวกว่าถึง 10ซม.)
และเพื่อเสถียรภาพที่มั่นคงในการวิ่ง จึงยืดระยะห่างล้อหน้ากับ
ล้อหลังเป็น 2.761เมตร ทั้งหมดนี้ทำให้น้ำหนักสูงถึง1.6ตัน
.
ถึงจะมีขนาดของตัวถังจะใหญ่โตขึ้น และน้ำหนักมากขึ้น แต่ค่า
สัมประสิทธิ์ความเสียดทานต่ำสุดอยู่ที่ 0.3 ช่วยลดเรื่องลมปะทะ
ตัวถังได้มากทีเดียว ถือว่าพลิ้วไหวใช้ได้

ช่วงแรกของการเปิดตัวทำตลาดนั้นรูปลักษณ์เป็นอย่างที่เห็นด้าน
บนนี้ ไตคู่ด้นหน้ามีขนาดเล็ก และกระจกมองข้างใหญ่(เค้าเรียกว่า
หูใหญ่ แต่ผมคิดว่ามันเล็ก และมองไม่ค่อยเห็น)
และสำหรับรถที่ขายในประเทศไทยนั้น ไฟเลี้ยวทั้งหมดเป็นสีส้ม
เครื่องยนต์ที่ใช้นั้นเป็น M20 ความจุ 2ลิตร 6สูบแถวเรียง ขับหลัง
กำลังสูงสุด 126แรงม้า ที่ 6,000รอบต่อนาที
.
หลังจากเปิดตัวได้ไม่นานก็มีการเปลี่ยนแปลงด้านขุมกำลังใหม่
โดยใช้หัวฉีดมัลติพอยท์ (ของเดิมเป็นเจ็ตทรอนิกส์)
มาในรหัส M50B20 ความจุ 2ลิตร 6สูบเรียงเช่นเดิม แต่มีกำลัง
สูงสุดเป็น 150แรงม้า ที่ 5,900รอบต่อนาที

E34 5er นอกจากจะมีตัวถังแบบSedan แล้วยังมีแบบTouring
เพื่อทำตลาดคนรักครอบครัวอีกด้วย ครึ่งคันหน้าใช้อะไหล่ร่วมกับ
Sedanได้ แต่ครึ่งคันหลัง ดูเผินๆก็ไม่ได้แตกต่างนัก แต่จริงๆแล้ว
ใช้ร่วมกันไม่ได้เลย แม้กระทั่งไฟท้าย(ผมก็เพิ่งรู้)

.
ก่อนที่จะไมเนอร์เชนจ์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์อีกครั้ง
โดยเครื่องใหม่นี้ยังเป็นรหัสM50 แต่ความจุเพิ่มมากขึ้นเป็น 2.5
และมีการเพิ่มระบบVanos ซึ่งก็คือวาล์วแปรผัน คล้ายกับVVT-i
มีกำลังสูงลิ่วถึง 192แรงม้า ที่5,900รอบต่อนาที ทั้งนี้ไม่มีระบบ
อัดอากาศใดๆทั้งสิ้น
.
.
:: The Minorchange ::

ช่วงราวปี93 มีการทำไมเนอร์เชนจ์ให้กับE34 เพื่อให้ดูทันสมัยขึ้น
ด้วยการเปลี่ยนไตคู่(จมูก)ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เปลี่ยนกระจกมอง
ข้างหูเล็ก(ดูรูปคันสีขาวบนสุด) โดยเครื่องยนต์ใช้ตัวเดิม ไม่มีการ
เปลี่ยนแปลงจนสิ้นอายุขัยเมื่อปี 1996
.
.
:: Interior ::
จากอานิสงค์ของขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น ทำให้พื้นที่ภายในกว้าง
ขวางขึ้นด้วย แต่อย่าได้เอาไปเทียบกับซีรี่ย์5ใหม่ๆ เพราะทุกครั้ง
ที่เปลี่ยนโมเดล มันย่อมใหญ่ขึ้นแน่นอน
.
อุปกรณ์ภายใน ไม่ได้หรูหราอะไรมากนัก เน้นการใช้งานจริง
เสียมากกว่า เช่นคอนโซลหน้าที่เอียงเข้าหาคนขับ เพื่อความ
สะดวกในการปรับ ,ช่องแอร์ด้านหลังที่คอนโซลกลาง อีกทั้งเบาะ
คู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมเมมโมรี่ ,ม่านบังแดดไฟฟ้าด้านหลัง
.
ออปชั่นเสริมเพิ่มเติมต่างๆนั้น พบได้ในต่างประเทศ-*-
เช่น ออนบอร์ดคอมพิวเตอร์ ใช้ดูและควบคุมการทำงานของระบบ
ต่างๆในรถ ,แอร์ออโต้(ประเทศไทยเป็นแบบบิด เหมือนเตาแก็ส)
.
สีภายในถ้าเป็นรถในไทยจะเป็นสีดำ ช่วงปีหลังๆจะมีสีเบจด้วย
แต่ถ้าเป็นตัวนอก จะมีสีน้ำเงินม่วงๆ (ซึ่งผมว่าไม่ค่อยสวยเลย)
.
.
:: Safety ::
ด้านความปลอดภัย ก็ไม่มีอะไรที่แปลกแตกต่างจากคนอื่นมากนัก
ระบบดิสก์เบรก 4ล้อ พร้อมABS ที่มีมาให้ตั้งแต่ตัวแรก
ส่วนถุงลมนิรภัยจะพบได้ในรถตั้งแต่ปี 94ขึ้นมาเท่านั้น
ภายในรถไม่มีจุดไหนเลยที่เป็นเหลี่ยมมุม เพื่อให้ความปลอดภัย
แก่ผู้นั่ง หากเกิดอุบัติเหตุ (แต่ลองกระแทกแรงๆก็เจ็บอยู่นะ)
.
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากเสนอคือ ระบบรับแรงกระแทกที่กันชน
หากเกิดการชนที่ความเร็วไม่เกิน15กม./ชม. จะไม่ก่อให้เกิดความ
เสียหายแก่ตัวถัง (คือมันลดแรงกระแทก)
.
.
:: Price ::
ราคาE34 เมื่อปี1994
_520iA Touring 2,180,000 บาท
_525iA 2,390,000 บาท
ราคาE34 เมื่อปี1997 (ตัวสุดท้าย)
_520iA 1,880,000 บาท
_520iA Touring 2,270,000 บาท
_525iA 2,279,000 บาท
.
:: Byer's Guide ::
อย่างที่กล่าวไว้ว่าช่วงนี้ความนิยมสูง หลายคนก็หาซื้อกันจาก
เต็นท์มือสอง ซึ่งบางทีก็ถูกหลอกว่าเป็นตัวท็อปบ้าง เปลี่ยนโฉม
แล้วบ้าง ทั้งนี้เนื่องจากความไม่รู้ของเราเอง
เลยอยากเขียนวิธีสังเกตรุ่นคร่าวๆ ดังจะกล่าวต่อไปนี้
.
BMW E34 แบ่งออกเป็น 4รุ่นย่อยๆตามช่วงปี
1. ปี89-91 เครื่องM20 จมูกเล็ก กระจกมองข้างแนบกับตัวถัง
2. ปี91-93 เครื่องM50 ไม่มี vanos ตัวถังยังคงเหมือนเดิม
ภาษาวงในจะเรียกรุ่นนี้ว่า รุ่นไม่โนส
3. ปี92-94 เครื่องM50 Vanos เปลี่ยนกระจกมองข้างเป็นหูเล็ก
คือ แบบที่เป็นก้านยื่นออกมา เรียกรุ่นนี้ว่า V-Nose
4. ปี94-96 เครื่องM50 Vanos จมูกโต หูเล็ก มีถุงลมนิรภัย
เรียกรุ่นนี้ว่า Big-Nose
.
ที่บอกนี้ก็ต้องระวังบางทีประกาศขายว่าเป็นบิ๊กโนสแล้ว ขอให้ดู
ที่กระจกมองข้างด้วย เพราะส่วนมากเวลาแปลง มักจะเปลี่ยนแค่
จมูก กับฝากระโปรงหน้าเท่านั้น (แบบว่าเอาง่ายๆเข้าว่า)
นอกจากนี้ก็ควรสังเกตุเครื่องยนต์ด้วยเพราะถ้าBig-noseจริง จะ
ต้องมีVanos ด้านหน้าเครื่อง
เรื่องพวกนี้ก็ควรทราบไว้บ้าง กันเต็นท์โก่งราคาเกินควร
คือถ้าจะบวกราคาเพิ่มก็ไม่ควรจะมากนักถ้าเทียบในปีเดียวกัน
เพราะยังไงรถก้ปีเก่า
.
ในความคิดของผมนั้นถ้าเค้าแปลงหน้ามา แต่ขายในราคาตามปี
ก็ถือว่าเราได้กำไรพพอสมควรเลย แต่ถ้าหากแปลงมาแล้วขาย
ตามราคาของBig-nose ทั้งๆที่ตัวมันเป็นไม่โนส ก็ไม่ไหวละครับ
.
.
:: E34 Engine in thailand ::
M20B20 ความจุ 1991cc
กำลังสูงสุด 129 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 164 นิวตันเมตร ที่ 4300 รอบต่อนาที
.
M50B20 non-Vanos หัวฉีดMPI ความจุ 1991cc.
กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 5900 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 190 นิวตันเมตร ที่ 4700 รอบต่อนาที
.
M50B25 Vanos (สังเกตที่โหนกหน้าเครื่อง) ความจุ 2494cc
กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตร ที่ รอบต่อนาที
.
หลังจากราวๆปี1995 E34 ที่ขายในประเทศไทยลดความจุลง
เพื่อเป็นการเลี่ยงภาษีที่แสนจะแพง เป็น 2.4ลิตร ซึ่งส่งผลให้
กำลังสูงสุดลงลดเหลือแค่ 188แรงม้า
.
.
:: E34 Unseen Engine ::
M60B30 V8 ความจุ 2997cc
กำลังสูงสุด 218 แรงม้า ที่ 5800 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 290 นิวตันเมตร ที่ 4500 รอบต่อนาที
M60B40 V8 ความจุ 3982cc
กำลังสูงสุด 289 แรงม้า ที่ 5800 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 4500 รอบต่อนาที
.
เครื่องทั้งสองตัวนี้เป็นเครื่องที่วางใน530i และ540i ในต่างประเทศ
ถ้าต้องการสามารถหาหัวตัดได้ในราคาประมาณแสนกว่าบาท
.
M52B25tu ความจุ 2.5ลิตร Double-Vanos
กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ที่ 5500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ที่ 3950 รอบต่อนาที
.
เครื่องยนต์นี้พบในE39 แต่สามารถนำมาวางในE34ได้ แม้ว่ากำลัง
จะน้อยกว่าM50B25 แต่ด้วยความสดใหม่ของเทคโนโลยี อีกทั้ง
กำลังยังมาในรอบที่ไม่สูง ทำให้สมรรถนะไม่ได้ด้อยไปกว่าM50
แถมมีวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย จึงได้เรื่องความประหยัด
น้ำมันที่มากกว่าM50
.
M52B28

2.8ลิตร Single-vanos
193แรงม้า @ 5500รอบต่อนาที
280นิวตันเมตร @ 3950รอบต่อนาที

เครื่องยนต์นี้พบในE36 และE39 ที่เป็น528ตัวแรกๆ(แต่ในไทยจะเป็น4spd) ช่วงนี้เป็นที่นิยมลงในE34ค่อนข้างมาก เพราะจบง่าย ประหยัดกว่า แรงดีกว่าเดิม แม้แรงม้าจะน้อยเมื่อเทียบกับซีซี แต่ก็มาที่รอบต่ำกับแรงบิดที่สูง บวกกับเกียร์5spd(ตัวนอกที่ตัดมาน่าจะเป็นเกียร์5spdทั้งหมด)


S38B36 ความจุ 3535cc
กำลังสูงสุด 315 แรงม้า ที่ 6900 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ที่ 4750 รอบต่อนาที
.
เครื่องยนต์นี้พบในM5 สำนักM power ได้ทำการปรับแต่งเครื่อง
ตระกูลM30 (big six) ให้มีกำลังมากยิ่งขึ้น
.
Alpina B10 3.5 Bi-turbo ความจุ 3430cc
กำลังสูงสุด 360 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที
.
เครื่องยนต์ตัวนี้รับรองว่าหาไม่ง่ายนัก ทำออกมาแค่507เครื่อง
โดยสำนักแต่ง Alpina ที่แฟนๆBMWย่อมรู้จักกันอย่างดี
เท่าที่ดูแล้วคิดว่าใช้เครื่องตระกูลM30 เป็นพื้นฐานเช่นกัน
.
M70B50 V12 ความจุ 4988cc
กำลังสูงสุด 295 แรงม้า ที่ 5200 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 4100 รอบต่อนาที
.
เครื่องยนต์นี้ไม่ใช่เครื่องที่อยู่ในซีรี่ย์5 แต่เป็นของพี่ใหญ่ซีรี่ย์7
เป็นความพยายามหาเครื่องบ้าพลัง แล้วก็ต้องพยายามอย่างยิ่ง
ที่จะยัดมันลงไป ผมว่าเวลาขับตรงๆคงง่ายอยู่แต่เวลาเลี้ยงคง
ลำบากไม่น้อย มันคงจะดื้อมือน่าดู ที่เอาลงให้ดูเผื่อใครจะได้
ไอเดียอยากทำขึ้นมาบ้าง อิอิ
.
.
:: E34 M5 ::
M5 จะมาพร้อมกับลิ้นต่อกันชนหน้า และล้อลายกงจักร
.
.
:: E34 M540 :: US Version
จะพบตัวนี้เฉพาะโซนอเมริกาเหนือ แต่ตัวถังแบบM5 เพียงแต่ใช้
เครื่องยนต์ V8 4ลิตร
.
.
:: E34 Alpina ::
Alpina ลิ้นต่อกันชนหน้า และวงล้อที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมกับ
สติกเกอร์รอบคัน จนทุกวันนี้Alpina ตัวใหม่ๆยังใช้ฟอร์มนี้เป็น
มาตรฐานทั้งหมด
.
.
:: E34 M5 convertible ::
เรียกว่าเป็นsecret of BMWเลยก็ว่าได้ กับE34เปิดหลังคา อีกทั้ง
ยังเป็น M5 เสียอีก เพิ่งจะเผยให้โลกได้รู้จักเมื่อปีที่แล้วนี่เอง
.
.
:: E34 AC ::
เป็น5er E34 ที่ทางสำนักAC นำไปแต่ง โดยเปลี่ยนล้อใหม่ลาย
เฉพาะของAC และกรอบกันชนหน้า รวมไปถึงกาบข้าง เรียกได้ว่า
ซิ่งแบบเต็มๆ
.
.
หวังว่าบทความนี้จะให้ความรู้ความเป็นมาของE34 ได้บ้าง และก็
หวังอีกว่าจะมีผู้ติดตามชมบ้าง(คงไม่เบื่อไปซะก่อนเน่อ)
หากมีข้อผิดพลาดก็ต้องขออภัย และจะรีบแก้ไขโดยด่วน