วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

2 VS Swift ศึกร้อนแรงในมอเตอร์เอ็กซ์โป

ในตอนแรกเริ่มเดิมทีแล้ว กะว่าจะทำบทความเปรียบเทียบ Ford Escape
ออกมาก่อนบทความนี้ แต่กระแสที่การเปิดตัวของรถเล็กสองรุ่นนี้ ก็แรง
อยู่ไม่น้อย แทบจะเป็น2ดาวเด่นของงานมอเตอร์เอ็กซ์โปเลยก็ว่าได้
ดังนั้น ก็เลยดันบทความนี้มาซะก่อนเลย
.
แน่นอนว่าคู่นั้นคือ Mazda2 และ Suzuki swift ถึงแม้ว่ากระแสของswift
จะแรงสู้2 ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าsuzuki ประสบความสำเร็จมากทีเดียว กับการ
เปิดตัวโฉมใหม่ พร้อมกับตัวแทนจำหน่ายรายใหม่
.
สำหรับน้อง2นั้น ได้มีการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ โดยใช้ดารานักแสดง
เช่นเดียวกับที่สมัยJazzทำ เพื่อหวังว่าจะดึงยอดขาย ซึ่งก็ไปได้สวย ไม่รู้
เป็นเพราะพรีเซนเตอร์หรือว่าอย่างอื่น คิดดูขนาดยังไม่มีขายในไทยก็มี
Mazda2clubกันแล้วอ่ะ แร้งงงง จังน้อง
.
Face To Face

ทั้งคู่เป็นรุ่นminorchangeของต่างประเทศ แต่เพิ่งจะมาเปิดตัวในไทย


ทั้งคู่ออกแบบมาบนคนละแนวความคิด เหลี่ยมๆกับพริ้วไหว ก็แล้วแต่คน
จะชอบ แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคน


สำหรับเครื่องยนต์ของทั้งคู่นั้น มิได้บ้าพลังอย่างเจ้าตลาดในปัจจุบัน โดยที่
ทั้งคู่ใช้เครื่องยนต์ขนาด1,500cc ดังต่อไปนี้
Mazda 2
4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,498 ซีซี พร้อมระบบแปรผันวาล์ว S-VT
กำลังสูงสุด 103 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 13.75 กก.-ม.ที่ 4,000 รอบ/นาที
Swift
4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,500 ซีซี พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VVT
กำลังสูงสุด 100 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 14.57 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที
.
จากตัวเลขแล้วพบว่าพละกำลังทั้งคู่สูสีกันมาก ทางมาสด้าจะได้ทาง
แรงม้าเหนือกว่าหน่อย ส่วนทางซูซูกิจะเหนือกว่าทางด้านแรงบิด ดูจาก
ตัวเลขเครื่องยนต์แล้ว คิดว่าถ้าระบบเกียร์ประสิทธิภาพเท่าๆกัน คงจะ
ไม่ทิ้งกันมากเท่าไหร่นัก
แต่ถึงอย่างไร การจะไปต่อกรกับเจ้าตลาด ยังถือว่าเป็นงานหนักเอาการ
เลยทีเดียว
.


ภายในที่เน้นการใช้งานอุปกรณ์สำหรับswift ส่วนมาสด้าจะเน้นดีไซน์ด้วย
ไม่ค่อยแน่ใจว่าช่องแอร์ของ2 จะส่งไปถึงคนนั่งหลังได้ซักแค่ไหน เพราะ
อยู่ในมุมที่ราวกับกว่าจะให้คนนั่งหน้าสบายอย่างเดียว แต่ถ้าแอร์พุ่งแรงก็
แล้วไป ส่วนswiftคงไม่ต้องกังวล(ถ้าแอร์ไม่เบาเกินไปนะ)ส่งถึงหลังแน่นอน
พวงมาลัยสามก้าน เกียร์อัตโนมัติวางคนจะตำแหน่ง แต่อย่างว่าแหละ
เข้าเกียร์แล้วก็วิ่งกันยาว ไม่ต้องทำอะไรอีก จะวางตรงไหนก็เหมือนกัน

สรุป
โดยส่วนตัวแล้วคิดว่ารถในระดับนี้ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่นัก ทางด้าน
กำลังและความประหยัดน้ำมัน ความชอบจะขึ้นกับสไตล์ของผู้ซื้อเองมากกว่า
นอกจากนี้แล้วเรื่องราคา+คุณภาพก็เป็นสิ่งที่ควรนำมาตัดสินใจด้วยเช่นกัน แต่
ควรจะทำความเข้าใจว่าเราซื้อรถทั้งคัน ไม่ได้ซื้อแค่ออปชั่น ดังนั้นอย่าเอา
มาเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจ


สุดท้ายคือต้องลองเองถึงจะรู้ อย่าได้เชื่อใคร

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แก้ไขข้อผิดพลาด เรื่องรหัสตัวถังของBMW

จากหลายบทความที่ผ่านมา พบว่า บางบทความได้มีการให้ข้อมูลรหัสตัวถังของ
BMW ผิดพลาด เนื่องจากข้อมูลที่ผมได้รับมานั้นมีความคลาดเคลื่อน และ
เนื่องจากตัวผมไม่ได้ทำการตรวจเช็คข้อมูลอย่างละเอียดก่อนจะเขียนบทความ
ดังนั้นจึง ขออภัยผู้ที่ติดตามทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย
และ ขอแจ้งรหัสตัวถังที่ถูกต้องดังต่อไปนี้
.
BMW 5er F07 คือ ซีรี่ย์ห้าใหม่ ตัวGT gran turismo
BMW 5er F10 คือ ซีรี่ย์ห้าใหม่ ตัว Sedan สี่ประตู
BMW 5er F11 คือ ซีรี่ย์ห้าใหม่ ตัว Touring
.
BMW 7er F01 คือ ซีรี่ย์เจ็ดใหม่ ตัวธรรมดา
BMW 7er F02 คือ ซีรี่ย์เจ็ดใหม่ ช่วงยาว(long wheel base)
.
บทความใดเขียนไปผิดพลาด ขอแก้ไขให้เป็นไปตามนี้ทั้งหมด
(ผมจะไม่ไปแก้ในบทความหรอก ปล่อยให้มันเป็นตราบบาปไว้งั้นแหละ)
.
ข้อมูลนี้คิดว่าน่าเชื่อถือได้มากที่สุด (เป็นภาษาเยอรมันเลยอ่ะ)
.
ตอนที่เขียนบทความอ่ะ ผมมั่นใจสุดๆ แต่พอมาอ่านบทความของเวปหนึ่ง
และหนังสือเล่มหนึ่งได้ให้ข้อมูลรหัสตัวถังไว้ต่างจากผม ก็เลยเกิดอาการ งง
ผมจึงได้ตรวจสอบ ค้นหารหัสที่ถูกต้องเพื่อมาแจ้งให้ทราบ
(แล้วก็พบว่าหนังสือเล่มนั้น ก็แจ้งพลาดเช่นกัน)
.
แล้วก็ไม่นานนี้เอง เข้าเวปOne2Car ก็เจอกับเจ้านี่เลย
http://www.one2car.com/CarInfor/cardetails.aspx?caridx=L11090178&row=2
และ
http://www.one2car.com/CarInfor/cardetails.aspx?caridx=L11090176&row=2
บางคนยังไม่รู้เลยว่าBMWจะเปลี่ยนโฉม เค้าก้อมีขายกันแล้ว เร็วจริงๆ
อีกทั้งยังเป็นตัวfull optionด้วยอ่ะ (คิดว่านะ)

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ก้าวสู่ทศวรรษใหม่ไปกับ BMW F10

หลังจากที่BMW ได้ประกาศหยุดสายการผลิตซีรี่ย์5 โฉมปัจจุบัน (E60)
ไปเมื่อ 5ธันวาคมที่ผ่านมานั้น ข่าวคราวของเจเนอเรชั่นใหม่ที่จะเข้ามา
ทำตลาดแทนก็เริ่มคึกคักขึ้นมาทันที แต่กระทั่งตอนนี้ยังไม่ทราบแน่นอน
ว่าจะเปิดตัวคันจริงเมื่อไหร่ มีเพียงภาพของF10 ที่ทางBMW ปล่อยมา
ให้ชมกันก่อนเปิดตัวปี2010-2011

สำหรับ F10นั้น ถือว่าเป็นการก้าวสู่ยุคใหม่ของBMW หลังจากที่ให้พี่ใหญ่
ซีรี่ย์7 เบิกทางไปแล้ว กระแสตอบรับดีมาก ส่งผลให้BMW มั่นใจที่จะดัน
F10 ให้มาเร็วกว่ากำหนด
.
วันนี้จะมาเปรียบเทียบของเก่า กับของใหม่ให้ได้ชมกัน
.
:: ด้านหน้า ::




ออกแบบให้ใกล้เคียงกับซีรี่ย์7 จมูกโตซะ ไฟหน้าแบบหางตาตก
ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนโฉมของBMW เราจะพบว่า มันจะดูหยิ่งผยอง
ขึ้นไปเรื่อยๆ แต่คราวนี้ ผมกลับรู้สึกเองลึกๆว่ามัน แหย และถ่อมตัว
ดูสุภาพเรียบร้อยอย่างเหลือเชื่อ ในบางมุม เช่นมุมเอียง(บนขวา)
พบว่าละม้ายคล้ายคลึงกับน้องเล็กซีรี่ย์3 ผมดูภาพนี้ยังงงๆเลยว่านี่เรา
เอารูปมาผิดป่ะวะเนี่ย -*-
ที่แน่ๆ หน้ามันไม่เหมือนกับ 5GT ที่เคยลงไปก่อนหน้านี้ ที่นี่
http://puppy-e34.blogspot.com/2009/09/bmw-5series-gran-turismo.html
ปล. ภาพF10ซีดานในบทความเก่า ไม่ใช่ตัวจริงนะ เค้าปล่อยหลอกมา
.
:: ด้านข้าง ::

BMW กล่าวว่าF10 เป็นซีรี่ย์5 ที่มีระยะฐานล้อยาวที่สุดที่เคยมีมา ก็แน่ละ
ลองดูโอเวอร์แฮงค์หน้าสิครับ สั้นมากขึ้น (ถ้ามองไม่ออกคลิ๊กที่รูปนะ)
ทำให้ระยะจากล้อหน้าถึงประตูหน้ามันยาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก็เลยไม่มั่นใจ
ว่าพื้นที่ภายในจะกว้างขวางขึ้นซักเท่าไหร่กัน
ส่วนเส้นสายข้างลำตัวที่เด่นชัด คมซะ ชวนให้นึกถึงE34 สุดที่รักของผม
เพราะว่าตั้งแต่E39มา เส้นข้างลำตัวก็ไม่ชัดขนาดนี้ จนถึงE60 เส้นนี่แทบ
จะหายไปเลย มนกลมเชียว(ดังรูป)
ผลจากเส้นนี้เอง ทำให้ดูรถมันลู่ลมมากกว่าของเดิม อยากรู้จังว่าค่าCd
ของคันนี้จะอยู่ที่เท่าไหร่
.
:: ด้ายท้าย ::

ความเปลี่ยนแปลงของทายรถนั้น ถูกใจผมมากเลย ไฟท้ายรูปตัวL กลับมา
ให้ได้เห็นอีกครั้ง ด้ายท้ายที่เป็นทรงสปอร์ตที่สมบูรณ์แบบที่สุด(เว่อร์ไปป่ะ)
ปลายท่อไอเสียจะเป็นอย่างในรูปหรือไม่นั่น ผมไม่ชัวร์
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังแอบคล้ายซีรี่ย์3 ไมเนอร์อยู่ไม่น้อย
.
:: ภายใน ::

BMW พยายามทำให้ภายในดูมีรสนิยมมากขึ้น โดยการใช้สีเข้ามาช่วย
หลายคนบอกว่าคล้ายกับซีรี่ย์7 แต่ผมว่ามันคล้ายกับZ4 อยู่ไม่น้อยเลย
คอนโซลกลางที่ดูเหมือนว่ามันจะใหญ่ขึ้น (หรือว่าอัตราส่วนภาพมันเพี้ยนหว่า)
สรุปแล้ว การออกแบบไม่ได้ฉีกแนวไปเท่าไหร่นัก เรียกว่าเซฟตัวเองอยู่
พอสมควร

ที่นั่ง ออกแบบให้โอบกระชับมากขึ้น เรียกได้ว่าให้ความสำคัญกับที่นั่งมากขึ้น
แฟนBMWคงรู้ๆกันดีว่า ปกติBMWไม่ค่อยให้ความสำคัญกับมันเท่าไรนัก
ที่นั่งของผู้โดยสารด้านหลัง ตามภาพมีจอไว้ให้ความบันเทิงอีกด้วย แต่คิด
ว่าคงจะอยู่ในรุ่นสูงๆ (จากรูปมันต่อเนตได้ด้วยอ่ะ)
.
:: ด้านเครื่องยนต์ ::
พละกำลังของ 5-Series รุ่นใหม่มีให้เลือกถึง 5 เครื่อง ทุกเครื่องจับคู่กับ
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะที่ช่วยเพิ่มอัตราเร่งและลดใช้เชื้อเพลิง และผ่านค่า
มาตรฐานไอเสีย EURO5 เรียบร้อยแล้ว ได้แก่
.
BMW 550i เครื่องยนต์เบนซิน V8
ความจุกระบอกสูบ 4,395 ซีซี เทอร์โบคู่และหัวฉีดแรงดันสูง
ให้พละกำลังสูงสุด 407 แรงม้า ที่รอบระหว่าง 5,500 – 6,400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 61 กิโลกรัมเมตร ที่รอบระหว่าง 1,750 – 4,500 รอบต่อนาที
อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 5 วินาที
.
BMW 535i เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง
ความจุกระบอกสูบ 2,979 ซีซี เทอร์โบคู่ หัวฉีดแรงดันสูง และValvetronic
ให้กำลัง 306 แรงม้า ที่ 5,800 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 40.8 กิโลกรัมเมตร ที่รอบระหว่าง 1,200 – 5,000 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.1 วินาที
.
BMW 528i เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง
ความจุกระบอกสูบ 2,996 ซีซี พร้อมระบบ bi-VANOS และ Valvetronic
ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 31 กิโลกรัมเมตร ที่รอบระหว่าง 2,600 – 5 ,000 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.7 วินาที
.
BMW 523i เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง
ความจุกระบอกสูบ 2,996 ซีซี พร้อมระบบ bi-VANOS และ Valvetronic
ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 27.7 กิโลกรัมเมตรที่รอบระหว่าง 1,500 – 4,250 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.9 วินาที
.
BMW 530d เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียง อลูมิเนียมแครงก์เคส
ความจุกระบอกสูบ 2,993 ซีซี พร้อมเทอร์โบชาร์จแบบแปรผัน VNG และ
หัวฉีดคอมมอนเรลจากเพียซโซแรงดันสูงสุด 1,800 บาร์
ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 55 กิโลกรัมเมตรที่ 1,750 – 3,000 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.3 วินาที
.
BMW 520d เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียง อลูมิเนียมแครงก์เคส
ความจุกระบอกสูบ 1,995 ซีซี เทอร์โบชาร์จแบบแปรผัน VNG และ
หัวฉีดคอมมอนเรลจากเพียซโซ แรงดันสูงสุด 1,800 บาร์
ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 38.7 กิโลกรัมเมตรที่รอบระหว่าง 1,900 – 2,750 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 8.1 วินาที
(ขอบคุณข้อมูลจาก headlight mag)
.
น่าแปลกอยู่ไม่น้อยที่คราวนี้ไม่มีเครื่อง 2.5ลิตร ในรายการเครื่องยนต์เลย

สำหรับเครื่องยนต์ที่คิดว่ามาไทยแน่ๆคือ 520d เพราะกระแสตอบรับใน
ปัจจุบันถือว่าดีมากทีเดียว
ส่วนรุ่นที่คิดว่าไม่มาแน่ๆคงจะเป็น 535i และ 550i เพราะมันใหญ่ไป
นอกจากนี้ในความเห็นส่วนตัวแล้ว เวอร์ชั่นของไทยอาจจะมีเครื่อง 2.5
ให้ได้เห็นกัน เพราะหลีกหนีภาษีที่แพงซาดิสก์ของเรานั่นเอง
.

สรุปแล้ว ของใหม่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ว่ารูปร่างยังดูขัดตา
ไม่สง่าอย่างหลายรุ่นที่ผ่านมา แต่เมื่อมองในอีกแง่หนึ่ง การออกแบบเช่นนี้
จะเป็นการเปิดตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆได้อยู่มากโขทีเดียว
.
แต่อย่างเพิ่งมันใจอะไรนัก เพราะคันจริงๆเป็นๆยังไม่เคยได้เห็นกันเลย
อาจจะมีการปรับเปลี่ยน ในรายละเอียดอีกเล็กน้อย
ก็กว่าจะปี2011 มันอีกตั้งนานนี่นา.......................



:: ซีรี่ย์5 ทุกๆเจเนอเรชั่นที่ผ่านมา::



จากซ้ายไปขวา
E12 E28 E34 E39 E60 และ F10
ขอบคุณภาพจาก Autoblog Autospinn Headlightmag
.
ปล. วันนี้ไปเปิดดู One2car เจอF10 GT ขายอยู่สามคันแล้ว
สองคันเป็น530d อีกคันเป็น535 ที่น่าสนใจคือเป็นฟูลออปชั่นด้วย
ขายแปดล้านเอง ! ! !
เกรย์ไทยมีขายแล้วอ่ะ ขนาดยังไม่ค่อยมีข่าวเท่าไหร่เลย
แบบนี้สุดยอดดดดดด สุโค้ย ! ! !

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อะไรนะ! E34 เปิดหลังคา


ตำนานบทหนึ่งของBMW series5 นั่นคือ E34 M5


ทำตลาดอยู่บนโลกใบนี้เมื่อเกือบๆ20ปีที่แล้ว ปกติเราจะพบเห็น
ได้ทั่วไปก็จะเป็น ซีดาน สี่ประตู ยากที่จะพบเห็นแบบ ทัวริ่ง


แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อนคือ convertible หรือ
รุ่นเปิดหลังคานั่นเอง แน่นอนว่าถ้าเปิดหลังคาก็จะมีแค่สองประตู
.
ไม่ว่าคนไหนๆก็ตะลึง เพราะเข้าใจว่า/เคยเห็นแต่ภาพCGในเนต
ที่ตัดต่อกันเล่นๆ เป็นต้นแบบรถในฝัน
.
ใครจะไปรู้เล่า ว่าBMW เคยคิดทำรถแบบนี้ จนทำเป็นรถต้นแบบขึ้นมา
เพียงแค่ไม่ทำออกมาขาย เพราะคิดว่าช่วงนั้นตลาดคงจะไม่นิยม


มาในสไตล์ M5 ครบเซ็ต ทั้งชุดแต่ง ล้อ คอนโซล เบาะ ตามรูปต่างๆ
แต่ทำไม แอร์มันเป็นมือบิดหล่ะ มันต้องเป็นดิจิตอลไม่ใช่หรอ ?
เอ๊ะหรือเรางงหว่า ! !

E34 convertible พร้อมจะเปิดตัวในงานนิทรรศการของBMW เร็วๆนี้
อยากดูคงต้องบินไปเยอรมันซะละม้าง
.
แต่มีเรื่องไม่เข้าใจ ว่าทำไมเพิ่งจะมาเปิดตัวให้ดู
หรือว่าเพิ่งจะทำเสร็จหมาดกันละเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยย 555+

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Speed3 รถบ้านตัวแรงแห่งค่ายMazda

หลายคนคงจะรู้จัก...ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าทุกคนรู้จัก Mitsubishi Evolution
รถแข่งที่มีต้นกำเนิดจากรถจ่ายกับข้าว จับแลนเซอร์มาพัฒนาซะใหม่ แต่ใช้
พื้นฐานโครงสร้างเดิม ผลที่ออกมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มากกกกก
แต่คนก็มักจะเข้าใจว่ารถแข่งที่พัฒนาจากรถบ้านนั้นมีแค่Evo นั่นไม่จริงเลย
แทบจะทุกค่ายมีรถแบบนี้ เพียงแต่อาจจะไม่ดังเท่า
.
ในวันนี้เราจะมาดูกันที่ตัวแรงของน้อง3กันดีกว่า ในโลกตะวันตกจะใช้ชื่อว่า
MazdaSpeed3 โดยที่ตัวนี้ พัฒนาบนพื้นฐานของMazda3 รุ่นปี2010 ที่
ยังไม่รู้ว่าจะเข้าไทยเมื่อไหร่เลยT__T
.
เอาหล่ะๆ เรามาดูกันไปทีละShot เลยดีกว่า
(จะวิจารณ์ไปเป็นข้อๆโดยทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเอง)
.

Shotที่1 ไฟหน้า
ไฟหน้าของรถก็เปรียบเหมือนกับดวงตาของคน การแสดงออกทางสายตา
ก็เป็นเรื่องสำคัญ จะหวานหยาดเยิ้ม หรือจะดุดัน จริงใจหรือโกหก ก็ดูที่ตา
สำหรับดวงตาของน้อง3 นั้นดูจะดุดัน เข้มแข็ง ราวกับดวงตาของเหยี่ยวที่
คอยจ้องหาเหยื่อ มีความทรงพลัง (ซึ่งในปัจจุบันหลายค่ายก็นิยมเลือกไฟ
หน้าตามนิยามนี้ )
แต่......เมื่อเราเข้าสู่ Shotที่2 จะพบว่า
.
Shotที่ 2 ด้านหน้ารถ
ด้านหน้าก็เปรียบได้กับหน้าคน เป็นสิ่งแรกที่จะได้เห็นเมื่อพบหน้ากัน
และจากที่ต่อเนื่องจากตอนที่1 ไฟหน้าที่ดุดัน ทรงพลัง แต่..............
.
ไหงหน้ามันแป๊ะยิ้มอย่างงี้อ่ะ
มาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม(แย้มมาก) ปากเบ้อเริ่มเลย เค้าคงคิดว่าจะทำ
ให้รถดูใจดี มีเมตตา นั่นไม่ช่วยเลย
เพราะการที่ไฟหน่าดุดัน แต่กลับยิ้มกว้างแบบนี้ ราวกับตัวร้ายในละคร
ที่ได้ในสิ่งที่สมปราถนาแล้ว และน่าจะเป็นตัวร้ายที่ไม่ค่อยแสดงออก
ถึงความร้าย เรียกได้ว่า ร้ายลึก
ในละครความร้ายที่ซ่อนไว้ย่อมเป็นสิ่งไม่ดี เป็นแง่ลบ แต่สำหรับร้าย
ในความหมายนี้คือ ความร้ายที่ซ่อนอยู่ในฝากระโปรงนั่นเอง
.



Shotที่ 3 ด้านข้าง
หากลองมองแล้วจะพบว่า มันแทบไม่มีอะไรต่างไปจากรุ่นเดิมเลย
ทางMazda ยังคงใช้ดีไซน์ด้านข้างแบบเดิม ซึ่งนั่น .....................
เป็นความคิดที่ดีแล้ว เพราะดีไซน์โครงสร้างด้านข้างนับว่าน่าดูมาก
เมื่อเทียบกับรถในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ทราบว่าใช้โครงสร้างเดิม
เลยหรือเปล่าเพราะ ไม่ทราบความเอียงของเสาA (คิดว่าเสาAของ
ตัวใหม่ดูจะลาดเอียงกว่า) สรุปว่าด้านข้างลงตัวดีมาก
.
Shotที่ 4 ท้ายรถ
การที่คนอื่นเห็นท้ายรถของเรา มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของเรา
(ถ้าไม่อยู่ข้างหน้าเขา แล้วเขาจะเห็นท้ายเรามั้ย?) น้อง3ตัวนี้ เปลี่ยนชุด
โคมด้านท้ายใหม่หมด เหลาให้ดูเรียวขึ้น ท่อไอเสียออกสองด้าน
ถือว่าสวยมาก แต่ถ้าจะดีกว่านี้คงต้องปรับสีของไปท้ายไม่ให้มันดูหลอก
ตาขนาดนี้ เพราะมองแล้วเหมือนกับไปซื้อไฟปลอมมาใส่เลยอ่ะ
โคมสวยแต่สีหลอนเอามากๆ
.


Shotที่ 5 ล้อและยาง
ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำว่าเหมาะสม ล้ออัลลอยด์สิบก้าน ขนาด18นิ้ว
มาพร้อมกับยางดันล็อป ขนาด225 ผิวสัมผัสพื้นมาก ส่งกำลังลงสู่พื้น
ถนนได้มาก แต่ก็กินน้ำมันมากเพิ่มขึ้นด้วย-*-
.


Shotที่ 6 เครื่องยนต์
หัวใจสำคัญที่จะตัดสินความแรงของรถ คือ เครื่องยนต์ และในน้อง3 ตัวนี้
เลือกใช้เครื่องยนต์เบนซิน สี่สูบแถวเรียง วางขวางด้านหน้ารถ
ความจุ 2.3ลิตร เทอร์โบ เค้นกำลังออกมาได้263แรงม้าที่ 5,500รอบ/นาที
ให้แรงบิดสูงสุด380นิวตัน-เมตร ที่3,000รอบ เจี๊ยก!!! หยั่งกับกระบะบ้าพลัง
มาที่รอบไม่สูงด้วย ดูแล้วคงไม่ต้องโหมให้เหนื่อย น่าจะปี๊ดป๊าดไม่น้อยเลย
อีกทั้งยังจับคู่กับเกียร์ธรรมดา6สปีด สับกันมันส์เลย
.
แต่ว่า แรงม้าน้อยจังเลยอ่ะ ไม่อยากจะเปรียบกับคนอื่นหรอกนะ ทำให้
อดคิดไม่ได้ ว่าคนอื่นเค้า2ลิตร เรียกม้าได้ตั้ง 280ตัว (หรือมากกว่านั้น)
แต่ใย Mazda ทำได้แค่เนี้ยยย
.
เราเชื่อว่าเค้าทำได้ แต่อาจมีเหตุผลบางอย่าง จึงไม่ทำ
.
.

Shotที่ 7 การตกแต่งภายใน
ภายในรถถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ตอบสนองความพอใจของลูกค้ามากที่สุด
เพราะมันเป็นส่วนที่ผู้ซื้อสัมผัสได้ เป็นรูปธรรม ห้องโดยสารที่ดีนั้นมันไม่
จำเป็นต้องกว้างขวางเสมอไป ขอให้มุมมองโปร่งสบายเป็นพอ จะช่วยลด
ความคับแคบไปได้ การใช้โทนสีสว่างก็เป็นส่วนที่ช่วยความโปร่งได้มาก
.
แต่กับน้อง3 เลือกใช้สีดำ ซึ่งส่งผลให้ดูคับแคบไปในทันที แล้วจะให้ทำไงล่ะ
ในเมื่อสีดำเป็นสีเดียวที่ส่งผลให้มีอารมณ์สปอร์ตได้มากสุด นอกจากนี้แล้ว
สีดำยังเปื้อนยากอีกด้วย -*-
ไมล์รถทรงสองห่วง แลดูสปอร์ต แต่หลอกตาชิ ในภาพจะเป็น
หน่วยไมล์ ไม่ใช่หน่วยกิโลเมตร (กม.จะอยู่วงในด้านล่าง)
จอแสดงผล พร้อมระบบนำทาง มองแบบนี้ก็ชัดเจนดีหรอก แต่ขอให้ลอง
เลื่อนเม้าส์กับไปดูภาพก่อนๆ แล้วพิจารณา
.
ถ้ายังนึกไม่ออก ก็จะบอกให้ว่ามันเล็กมาก
มากกกก ..... จะมองทีคงต้องเพ่งอยู่นาน รถได้ชนตายก่อนพอดีอ่ะ
น่าจะยกจอแสดงผลลงมาแทนชุดเครื่องเครื่องเสียงด้านล่าง
แม้จะต่ำไปนิด แต่จะได้จอแสดงผลที่ใหญ่กว่า น่าจะมองเห็นได้ง่ายกว่า

ชุดควบคุมเครื่องเสียงและระบบแอร์ ใช้งานไม่ยาก ไม่ซับซ้อน และก็ยัง
ดูทันสมัย แต่ใครจะว่ายังไงผมไม่รู้นะ แต่ว่าค่ายรถเดี๋ยวนี้ชอบทำเครื่อง
เสียงแบบฝัง(บิวด์อิน) แน่นอนว่ามันดูไฮโซหรูหรา แต่ไม่เคยมีค่ายไหน
ใส่เครื่องเล่นดีๆมาให้เลย ครั้นจะเอาไปเปลี่ยนก็ยากเย็น ต้องเจาะนู่นนี่
ชวนให้นึกถึงสมัยก่อนที่จะเป็นช่องให้ ทั้งแบบ1หรือ2din เปลี่ยนได้ง่ายมาก
ใคร่ขอให้ค่ายรถต่างๆ ทบทวนเรื่องนี้ใหม่เหอะ นะ...
(ไม่ได้ว่าMazdaนะ ผมว่าทุกค่ายแหละ)

Shotสุดท้าย เบาะนั่ง
วัสดุที่ใช้บุ แปลกแหวกแนวดีมาก ช๊อบชอบ เรียกว่าไงดีอ่ะ สีเหลือบๆ
แจ่มมาก เบาะหน้าดูท่าจะโอบกระชับดี เข้ากับบุคลิกของรถและ ยังช่วย
เซฟหลังเราได้ด้วย แต่เบาะหลังของผู้โดยสารนี่สิ ท่าจะแข็งน่าดู
ดีไซน์เบาะหน้าให้คแนนเกือบเต็ม แต่ดีไซน์เบาะหลังผมให้ติดลบเลย
แม้ว่าจะใช้วัสดุหุ้มดูดี แต่นั่นไม่ช่วยอะไรเลย
เบาะหลังแบนเรียบ ไม่มีมุมโอบรับหลัง แล้วก็ดูเหมือนย้อยกลับไปสมัย
323รุ่นปี84 อะไรหยั่งงั้นเลย
.

แร้งงงงงงง...(น้อยไปนิด) กับรูปลักษณ์ในบางมุมที่ยังขัดแย้งในตัวเอง
เข้าใจว่าทางมาสด้าคงไม่อยากให้ MazdaSpeed3 ออกมาเป็นเหมือน
รถแข่งมากเกินไป คงอยากแค่ให้มีกลิ่นอายนิดๆเท่านั้น ผลที่ได้ออกมา
เลยเป็นแบบนี้ ครึ่งๆกลางๆดีแท้
แต่ที่แน่ๆคือมันสวยกว่ารุ่นธรรมดาเยอะเลยอ่ะ.......................
.
สรุป สิ่งที่อยากให้ไม่เกิดขึ้นในMazda3 ตัวminor
อย่างแรกคือ ไฟท้ายแบบตัวนี้เหมือนกับซื้อของแต่งปลอมมาติดรถ
ยังไงก็ไม่รู้ ควรจะรีบเปลี่ยนโดยด่วน!!
อย่างที่สอง คือ เบาะหลัง ทรงสไตล์โบราณ ไม่ไหวจริงๆเล้ย
.
นอกนั้นอยู่ในเกณฑ์ดี เหมาะสมกับการใช้งานทุกอย่าง
.
รูปภาพจาก autoblog

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

BMW 5series Gran Turismo::

บทความนี้เป็นบทความที่ยาวที่สุดที่เคยเขียนมา (กว่า1,200คำ)
สำนวนอาจเขียนอาจจะแปลกไปบ้าง อ่านแล้วอาจงงๆนิดๆ ก็ต้อง
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้เสียก่อนเลย
---------------------------------------------------
::BMW 5series Gran Turismo::

การที่โลกเปลี่ยนแปลงไป ค่านิยมและความต้องการในการใช้รถก็
เปลี่ยนไปเช่นกัน อย่างที่รู้ๆกันดีว่าเศรษฐกิจโลกในช่วงนี้มันบ้าบอ
ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อรถยากขึ้น จะซื้อรถซักคันต้องคิดแล้วคิดอีก
ครั้นจะซื้อรถคูเป้ก็ไม่ค่อยจะเหมาะกับการใช้งานประจำวัน แต่ก็จะ
ได้อารมณ์สปอร์ต ครั้นจะซื้อSUV แล้วจะเอามาใช้ในเมืองก็ดูจะ
กะไรอยู่ เหมาะกับการเอาออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวเสีย
มากกว่า ครั้นจะซื้อมันทั้งคู่ก็คงได้กินข้าวกะน้ำปลามันทุกมื้อเป็นแน่
แท้ทีเดียวเชียวแล้วรถอะไรจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้
อย่างครบถ้วน
.
แน่นอนว่าค่ายรถยนต์ทุกค่ายต่างก็ทราบเป็นอย่างดี จึงได้มีความ
พยายามสร้างรถยนต์รูปแบบใหม่ๆ ที่ก้ำกึ่งระหว่างรถเก๋ง และคูเป้
แต่สำหรับค่ายBMW คิดจะผสมกับเอสยูวีเข้าไปอีกด้วย ตามนิยาม
สปอร์ตแบบคูเป้ สบายแบบรถเก๋ง และอเนกประสงค์อย่างเอสยูวี
แล้วมันจะออกมาเป็นรถแบบไหนล่ะ แทบจะนึกไม่ออกเลยอ่ะ คงจะ
ประหลาดน่าดู ซึ่งทางBMW ได้สร้างรถในแนวความคิดนี้ออกมา
ในนาม 5er GT (gran turismo) รหัสตัวถังพื้นฐาน F10 (น่าจะ)
.
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าการออกแบบรถของBMWในทุกวันนี้ได้รับ
อิทธิพลมาจาก Concept CSคันที่เห็นนี้เป็นอย่างมาก
(Concept CS = COUPE + SEDAN)
...
ละเมื่อต้องเกิดเป็น Concept ของซีรี่ย์5 ใหม่จึงกลายเป็นเช่นนี้

ในที่สุด รถคันจริงๆเป็นๆ ที่ไม่ใช่ภาพCG ไม่ใช่ Concept car ก็ได้
เผยโฉมให้กับโลกได้เห็น แบบที่ยังต้องพรางตัว ให้ลุ้นเล่น

ซึ่งก็พอจะรู้กันว่าส่วนใหญ่แล้วจะไม่ทำรถที่จะขายจริงเหมือนกับตัวที่
เป็น Concept car หรอก แต่จะแค่มีเค้าลาง คล้ายคลึงกันเท่านั้นเอง
ซึ่งนั่นไม่ใช่กับ ซีรี่ย์5 คันนี้ เพราะมันแทบจะลอกมาแป๊ะ!
ก็อปเอเลยเชียวหล่ะ
...
เอาหล่ะๆ เรามาดูมุมมองต่างๆของรถคันนี้กันบ้างดีกว่า



เป็นการผสมผสานรถสามชนิดเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว
(COUPE + SEDAN + SUV)
โดยด้านหน้าถอดแบบมาจาก CS แต่ด้านท้ายนี่สิใครจะว่ายังไงไม่รู้นะ
แต่ผมว่า ดูคล้ายๆกับรุ่น E34 พี่ของมัน เป็นอย่างมาก
เทียบให้ดูก็ได้อ่ะ E34 E60 และ F10

จะว่าไปแล้วน่าจะพูดว่าเหมือนเอา E34 + E60 ซะมากกว่า เอิ๊กๆ
....
มาดูที่ภายในกันบ้างดีกว่า หลายๆคนชอบจะพูดว่า BMW มุ่งเอาแต่
จะพัฒนาด้านเครื่องยนต์อย่างเดียว ภายในทำแบบพอนั่งได้ ไม่น่า
เกลียดนัก (ซึ่งผมก็เป็น1ในนั้น เพราะ E34 คันที่บ้านเบาะก็แข็งมาก
ทีเดียวแหละ) แต่ครั้งนี้ BMW ได้รับทราบถึงข้อตินั้นๆ(+เสียงกร่นด่า)
ทำให้ต้องทำการบ้านเรื่องการออกแบบห้องโดยสารให้มีความสะดวก
สบายมากขึ้น ซึ่งก็ทำออกมาเหมือนจะดูดีขึ้นกว่าเดิมพอสมควร
(ย้ำ พอสมควร) เอาเป็นว่าดูเอาเองละกัน
...
ชุดคอนโซลหน้า E34 E60 และ F10 เรียงจากซ้ายไปขวา
...
เบาะนั่งด้านหลัง E60 F10แบบที่1 F10แบบที่2 เรียงจากซ้ายไปขวา

โดยส่วนตัวคิดเอาเองว่าคนไทยคงจะมีโอกาสได้สัมผัสกับแบบที่1
มากกว่าแบบสอง เพราะแบบสองดูจะแพงมากไป เมื่อต้องนำเข้า
...
จะว่าไปตามจริงแล้ว ก็ไม่ค่อยต่างจากเดิมเท่าไหร่เลยอ่ะ -*-
...
ความจ๊าบที่สุดของการออกแบบ เจ้า GT คันนี้คือ ฝากระโปรงท้าย
ที่สามารถเลือกเปิดปิดได้สองลักษณะ คือเปิดทั้งบาน หรือเปิดแค่
ท่อนล่าง (เหอๆ) แต่ผมชอบแบบเปิดหมดนะ (เหอๆๆๆๆๆๆๆ)
เฮ้ย นอกเรื่องแล้ว!! โดยปกติแล้วรถเอสยูวีทั่วไปก็สามารถเลือกเปิด
ได้สองแบบ แต่จะเป็นการเปิดกระจกบนเสียมากกว่า

การเปิดแบบนี้เมื่อมานั่งคิดดูดีๆแล้ว จะพบว่าการเปิดบานเล็ก
(เรียกแบบนี้ละกัน)ไม่ได้เป็นการเปิดเข้าไปในห้องโดยสาร เปิดแค่
ช่วงเก็บของ คนนั่งด้านหลังจะได้ไม่รู้สึกว่าเราทำอะไรบนหัวเขา
ขณะที่เราเก็บของ(ถ้ามีคนนั่งนะ) และยังกันกลิ่นไม่พึ่งประสงค์เข้า
ไปในห้องโดยสารได้อีกด้วย
...
เครื่องยนต์เป็นสิ่งที่นับว่าเป็นหัวใจหลักของBMW และ จะต้องเป็น
เครื่องแบบหกสูบแถวเรียง ถ้าอยากรู้ว่าทำไมต้องเป็นหกสูบแถสเรียง
คงต้องเล่าถึงพงศาวดารขอมันพอเป็นสังเขปละกัน
...
หกสูบแถวเรียงเริ่มมีตั้งแต่มีซีรี่ย์ห้ากำเนิดขึ้นมาในโลก กับบอดี้E12
แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นเครื่องอะไร จนมาถึงบอดี้E28 ด้วยเครื่องยนต์รหัส
M20 ในตัวที่ทำตลาดหลักๆจะเป็นความจุ 2ลิตร 129แรงม้า และใช้
เครื่องบล็อกนี้มาจนถึงบอดี้E34 ในช่วงสองปีแรก แล้วจึงมาใช้
เครื่องใหม่ คือ M50B25 ความจุ2.5ลิตร 193แรงม้า เมื่อถึงE39
ก็หันมาใช้เครื่องยนต์ที่มีระบบวาล์วแปรผันคู่ คือ M50B28 ขยาย
ความจุเพิ่มขึ้น แต่ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม แรงม้าเท่าเดิมแป๊ะ!!
...
เมื่อมาถึงE60 ซีรี่ย์5 โฉมปัจจุบัน หันมาใช้เครื่องยนต์รหัสN52 ที่มี
น้ำหนักเบากว่า ให้กำลังที่สูงกว่าถึง 218แรงม้า(2.5ลิตร) และ
231แรงม้า ในตัว3ลิตร โดยที่เครื่องยนต์ที่กล่าวมานั้นไม่มีตัวไหน
ที่มีระบบเทอร์โบ แต่หลังจากนี้นั้น BMWจะใช้เทอร์โบเข้ามาช่วย
เพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ ตามแบบสมัยนิยม ที่คนอื่นทำกัน
ใน535i นี้จะใช้เครื่องยนต์ดังต่อไปนี้
BMW 535i Gran Turismo:
straight-six gasoline engine with TwinPower Turbo
High Precision Injection and VALVETRONIC
Capacity: 2,979 cc
max output: 225 kW/306 hp at 5,800 rpm
max torque: 400 Nm/295 lb-ft from 1,200–5,000 rpm
Acceleration 0–100 km/h: 6.3 seconds
Top speed: 250 km/h (155 mph)
CO2 emissions to the EU standard: 209 g/km
emission standard: EU5
...
เครื่องยนต์ที่ใช้มิได้เป็นเครื่องใหม่แต่อย่างใด หากแต่เคยปรากฏให้
พบแล้ว ใน135i น้องเล็กตัวจี๊ดของเรา เพราะเทียบดูจากแรงม้า และ
แรงบิดแล้วเท่ากันพอดี อย่างไรก็ตามความสามรถของเครื่องยนต์นั้น
คงต้องรถให้เปิดตัวอย่างจริงๆจังๆซะก่อน
(ดูข้อมูล135i ที่นี่ http://puppy-e34.blogspot.com/2009/05/135i.html )
...
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วคุณก็เป็นแฟนของBMW ล่ะก็ คุณจะพบว่าภาพ
ภายในของทั้งสามรุ่นที่เอามาเทียบให้ดูนั้น มาจากคนละสำนักกัน ดังนี้
E34 alpina E60 M5 และ F10 original ซึ่งจริงๆแล้วไม่ควรจะนำมา
เทียบกัน เพราะอยู่กันคนละพื้นฐาน แต่ก็พอจะให้เห็นความเปลี่ยนแปลง
ได้อยู่บ้างหล่ะ
...
โดยสรุปแล้วอย่างเพิ่งไปคิดว่าภาพทั้งหมดนี้ ออปชั่นทั้งหมด จะพบใน
รถที่ขายจริง อีกทั้งเมื่อเข้ามาในไทยแล้วจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ จะถูกหั่น
อะไรออกไปบ้าง คงเป็นเรื่องของอนาคตที่ยังต้องลุ้นกันต่อไป
....



ภาพ 535i ทั้งหมดในบทความนี้นำมาจาก Autoblog.com
ส่วนภาพที่เปรียบเทียบนั้นทำเองจ่ะ ^^
...
พิเศษที่อยากจะแถมตอนท้ายคือเครื่องยนต์ต่างๆที่จะบรรจุใน GT
...
BMW 550i Gran Turismo: V8 gasoline engine
with TwinPower Turbo and High Precision Injection
Capacity: 4, 395 cc,
max output: 300 kW/407 hp from 5, 500–6,400 rpm,
max torque: 600 Nm/442 lb-ft from 1,750–4,500 rpm
Acceleration 0–100 km/h: 5.5 seconds
Top speed: 250 km/h (155 mph)
...
BMW 530d Gran Turismo:straight-six diesel engine
with aluminium crankcase and third-generation
common-rail direct fuel injection (piezo-injectors),
max injection pressure: 1,800 bar
Capacity: 2,993 cc,
max output: 180 kW/245 hp at 4,000 rpm,
max torque: 540 Nm/398 lb-ft from 1,750–3,000 rpm
Acceleration 0–100 km/h: 6.9 seconds
Top speed: 240 km/h (149 mph)