(*ตารางนี้เป็นการเปรียบคร่าวๆ โดยพยายามควบคุมfactorต่างๆให้เหมือนๆกันเท่านั้นเอง ซึ่งในการใช้งานชีวิตจริงมันไม่ได้เป็นไปตามนี้หรอนะ)
ที่นำมาเทียบกันอยากให้ลองเปลี่ยนความคิดว่า รถเก่ามือสอง ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป เมื่อคิดถึงความคุ้มค่า คุ้มราคาแล้ว อาจจะคุ้มมากกว่าซื้อรถใหม่เสียด้วยซ้ำไป ในจุดสุดท้ายแล้วรถยุโรปอายุ20ปี ก็ยังฟิตและเฟิร์มกว่ารถญี่ปุ่นขับหน้าอายุ10ปีอยู่ดี รถใหม่อาจจะได้ตรงที่ช่วง3-4ปีแรก สบายใจหายห่วง(ก็ไม่เสมอไป) แต่พอหลังจากนั้นค่าบำรุงรักษาก็มาขึ้นไปเรื่อยๆ
สำหรับกรณีนี้ อยากให้คนที่จะตั้งตัวตั้งชีวิตตั้งครอบครัวใหม่ๆ ลองหยุดแล้วคิดดู ด้วยเงินส่วนต่างถึง2แสน คุณจะเติมน้ำมันได้อีกหลายปีโขเลยทีเดียว เงินที่จะซื้อรถใหม่ก็ต้องผ่อนไปเป็นภาระอีกค่อนข้างนานเลยทีเดียว แต่ถ้าเงินนั้นมาเป็นรถมือสองยุโรปซักคัน คุณจะได้คุณภาพรถที่ดีกว่า ภาษีสังคมที่สูงกว่า แม้ว่าค่าบำรุงรักษาจะสูงกว่า แต่เชื่อเถอะBMWไม่ได้ซ่อมอานอย่างที่ใครๆเขาบ่นกันหรอก (ยิ่งถ้าเป็นเบนซ์นะ รายนั้นขึ้นชื่อเรื่องความ ถึก!!) ส่วนใหญ่ที่ซ่อมกันหนักๆ ก็คือ พวกที่ไม่ใส่ใจรถ ไม่เคยรู้สึกเลยว่ารถเริ่มผิดปกติไป สักแต่ว่าขับเป็น พอพัง ก็สาหัสสิครับ ซึ่งแบบนี้ ไม่ว่าจะรถคันไหนๆก็เป็นทั้งนั้นแหละครับ
สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ถ้าคุณเป็นคนขับรถทางไกล ขับเร็ว ผมแนะนำBMW เถอะครับ(หรือเป็นรถยุโรปอื่นๆ) จะได้ไม่เป็นภาระกับลูกหลาน เพราะแม้เร็วขึ้น แต่ไม่ได้เปลืองน้ำมันมากขึ้น อีกทั้งช่วงล่างไว้ใจได้ ดีมากๆ เมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นใหม่ๆที่แทบจะลอยเหินฟ้า
แต่ถ้าคุณ สักแต่ว่าขับ ไม่รู้เรื่องรถใดๆเลย(ซักนิดเดียว) ก็Altisเถอะครับ อย่างน้อยๆก็วางใจไปได้3-4ปี
หรือถ้าขับแค่ในเมืองเป็นประจำ ผมแนะนำให้ลงไปเล่นEcoCar ไม่ก็CityCar เพราะชิวิตคุณไม่ได้จำเป็นต้องใช้รถคันใหญ่ๆเลย จะใช้ไปเพื่อ? ในเมืองนะครับ รถก็ติด ถนนก็แคบ ที่จอดก็หายาก
สุดท้ายที่ก็ยืนยันว่า อยากแค่ให้ลองเปลี่ยนความคิดดู รถยุโรปมือสอง กับ ญี่ปุ่นมือหนึ่ง จะเลือกอะไร ก็อยู่ที่ใจคุณ....