วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ทำไม! ........ต้องขับหน้า

จากที่หลายคนรู้กันดีอยู่แล้วว่ารถยนต์มีทั้งขับเคลื่อน2ล้อ และ4ล้อนั้น
ในรูปแบบของการขับเคลื่อน2ล้อ ยังแบ่งออกได้เป็นขับหน้า และขับหลัง
แล้วมันต่างกันอย่างไรล่ะ?
.
แต่ดั้งเดิมนั้นรถยนต์มีแต่ขับเคลื่อนล้อหลัง รถที่ขับเคลื่อนล้อหน้าเริ่ม
เข้ามาในตลาดรถยนต์น่าจะประมาณปี80เป็นต้นมา และเป็นที่แพร่หลาย
มากขึ้นเรื่อยๆ
.
ลักษณะที่แตกต่างกันของเครื่องขับหน้ากับขับหลัง ให้ดูกันที่แนวการวาง
ตัวของเครื่องยนต์ ถ้าวางตามยาวตามตัวรถ ก็เป็นขับหลัง แต่ถ้าหาก
วางขวางตัวรถ จะเป็นขับเคลื่อนล้อหน้า
แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้เสมอไป เช่นออดี้วางตามยาวกับตัวรถแต่ขับหน้า
ซึ่งก็แล้วแต่เทคโนโลยีและแนวคิดการออกแบบของแต่ละค่ายรถ
เอาเป็นว่าส่วนมากเป็นเหมือนกับที่กล่าวไว้ตอนแรกนะครับ


เก๋งญี่ปุ่น98%เป็นขับเคลื่อนล้อหน้า



ปิกอัพ1ตันในไทยเป็นขับเคลื่อนล้อหลัง


รถค่ายยุโรปมักจะเป็นขับเคลื่อนล้อหลัง
.
เนื่องจากปัจจุบันรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นที่นิยมและมีอยู่มาก ดังนั้น
วันนี้จะมาพูดถึงข้อดีข้อเสียของขับหน้ากันนะครับ
.
ดูข้อดีก่อน
1. การควบคุมรถสามารถทำได้ง่ายกว่า เนื่องจากล้อที่ขับเคลื่อนเป็นล้อคู่
เดียวกับที่บังคับเลี้ยว ทำให้คล่องตัวดี
2. ออกตัวเร็วกว่านิดๆ เพราะไม่เสียกำลังในการขับเพลากลาง(ไม่มี)
3. ซ่อมง่าย ถอดไม่กี่ชิ้นก็สามารถซ่อมบำรุงได้แล้ว
ข้อเสียล่ะ
1. จากข้อดีข้อที่1นั้น ทำให้อายุการใช้งานสั้นกว่าขับหลัง
2. ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุด้านหน้า รถยนต์ขับหน้า จะมีความเสียหายมาก
เพราะชิ้นส่วนมากกระจุกกันที่ในฝากระโปรงหน้ารถซะหมกเลย
3. เวลาที่รถขับหน้าวิ่งเร็วๆ รู้สึกเหมือนมันจะบินได้ ไม่ค่อยมั่นคงนัก
4. ถ้ารถหนัก กำลังในการลากจูงจะลดน้อยลง (อืดนั่นแหละ)
.
ในความคิดเห็นส่วนตัวผมเองนั้นเห็นว่าการที่รถขับหน้ามันแพร่หลาย คงจะ
เป็นเพราะใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่าขับหลัง ต้นทุนในการผลิตน้อยลงตามไปด้วย
แบบนี้บริษัทรถยนต์ช๊อบชอบ
.
อ่านแล้วหวังว่าคงจะพอเป็นประโยชน์ได้บ้างนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น