วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

BMW 5series Gran Turismo::

บทความนี้เป็นบทความที่ยาวที่สุดที่เคยเขียนมา (กว่า1,200คำ)
สำนวนอาจเขียนอาจจะแปลกไปบ้าง อ่านแล้วอาจงงๆนิดๆ ก็ต้อง
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้เสียก่อนเลย
---------------------------------------------------
::BMW 5series Gran Turismo::

การที่โลกเปลี่ยนแปลงไป ค่านิยมและความต้องการในการใช้รถก็
เปลี่ยนไปเช่นกัน อย่างที่รู้ๆกันดีว่าเศรษฐกิจโลกในช่วงนี้มันบ้าบอ
ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อรถยากขึ้น จะซื้อรถซักคันต้องคิดแล้วคิดอีก
ครั้นจะซื้อรถคูเป้ก็ไม่ค่อยจะเหมาะกับการใช้งานประจำวัน แต่ก็จะ
ได้อารมณ์สปอร์ต ครั้นจะซื้อSUV แล้วจะเอามาใช้ในเมืองก็ดูจะ
กะไรอยู่ เหมาะกับการเอาออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวเสีย
มากกว่า ครั้นจะซื้อมันทั้งคู่ก็คงได้กินข้าวกะน้ำปลามันทุกมื้อเป็นแน่
แท้ทีเดียวเชียวแล้วรถอะไรจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้
อย่างครบถ้วน
.
แน่นอนว่าค่ายรถยนต์ทุกค่ายต่างก็ทราบเป็นอย่างดี จึงได้มีความ
พยายามสร้างรถยนต์รูปแบบใหม่ๆ ที่ก้ำกึ่งระหว่างรถเก๋ง และคูเป้
แต่สำหรับค่ายBMW คิดจะผสมกับเอสยูวีเข้าไปอีกด้วย ตามนิยาม
สปอร์ตแบบคูเป้ สบายแบบรถเก๋ง และอเนกประสงค์อย่างเอสยูวี
แล้วมันจะออกมาเป็นรถแบบไหนล่ะ แทบจะนึกไม่ออกเลยอ่ะ คงจะ
ประหลาดน่าดู ซึ่งทางBMW ได้สร้างรถในแนวความคิดนี้ออกมา
ในนาม 5er GT (gran turismo) รหัสตัวถังพื้นฐาน F10 (น่าจะ)
.
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าการออกแบบรถของBMWในทุกวันนี้ได้รับ
อิทธิพลมาจาก Concept CSคันที่เห็นนี้เป็นอย่างมาก
(Concept CS = COUPE + SEDAN)
...
ละเมื่อต้องเกิดเป็น Concept ของซีรี่ย์5 ใหม่จึงกลายเป็นเช่นนี้

ในที่สุด รถคันจริงๆเป็นๆ ที่ไม่ใช่ภาพCG ไม่ใช่ Concept car ก็ได้
เผยโฉมให้กับโลกได้เห็น แบบที่ยังต้องพรางตัว ให้ลุ้นเล่น

ซึ่งก็พอจะรู้กันว่าส่วนใหญ่แล้วจะไม่ทำรถที่จะขายจริงเหมือนกับตัวที่
เป็น Concept car หรอก แต่จะแค่มีเค้าลาง คล้ายคลึงกันเท่านั้นเอง
ซึ่งนั่นไม่ใช่กับ ซีรี่ย์5 คันนี้ เพราะมันแทบจะลอกมาแป๊ะ!
ก็อปเอเลยเชียวหล่ะ
...
เอาหล่ะๆ เรามาดูมุมมองต่างๆของรถคันนี้กันบ้างดีกว่า



เป็นการผสมผสานรถสามชนิดเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว
(COUPE + SEDAN + SUV)
โดยด้านหน้าถอดแบบมาจาก CS แต่ด้านท้ายนี่สิใครจะว่ายังไงไม่รู้นะ
แต่ผมว่า ดูคล้ายๆกับรุ่น E34 พี่ของมัน เป็นอย่างมาก
เทียบให้ดูก็ได้อ่ะ E34 E60 และ F10

จะว่าไปแล้วน่าจะพูดว่าเหมือนเอา E34 + E60 ซะมากกว่า เอิ๊กๆ
....
มาดูที่ภายในกันบ้างดีกว่า หลายๆคนชอบจะพูดว่า BMW มุ่งเอาแต่
จะพัฒนาด้านเครื่องยนต์อย่างเดียว ภายในทำแบบพอนั่งได้ ไม่น่า
เกลียดนัก (ซึ่งผมก็เป็น1ในนั้น เพราะ E34 คันที่บ้านเบาะก็แข็งมาก
ทีเดียวแหละ) แต่ครั้งนี้ BMW ได้รับทราบถึงข้อตินั้นๆ(+เสียงกร่นด่า)
ทำให้ต้องทำการบ้านเรื่องการออกแบบห้องโดยสารให้มีความสะดวก
สบายมากขึ้น ซึ่งก็ทำออกมาเหมือนจะดูดีขึ้นกว่าเดิมพอสมควร
(ย้ำ พอสมควร) เอาเป็นว่าดูเอาเองละกัน
...
ชุดคอนโซลหน้า E34 E60 และ F10 เรียงจากซ้ายไปขวา
...
เบาะนั่งด้านหลัง E60 F10แบบที่1 F10แบบที่2 เรียงจากซ้ายไปขวา

โดยส่วนตัวคิดเอาเองว่าคนไทยคงจะมีโอกาสได้สัมผัสกับแบบที่1
มากกว่าแบบสอง เพราะแบบสองดูจะแพงมากไป เมื่อต้องนำเข้า
...
จะว่าไปตามจริงแล้ว ก็ไม่ค่อยต่างจากเดิมเท่าไหร่เลยอ่ะ -*-
...
ความจ๊าบที่สุดของการออกแบบ เจ้า GT คันนี้คือ ฝากระโปรงท้าย
ที่สามารถเลือกเปิดปิดได้สองลักษณะ คือเปิดทั้งบาน หรือเปิดแค่
ท่อนล่าง (เหอๆ) แต่ผมชอบแบบเปิดหมดนะ (เหอๆๆๆๆๆๆๆ)
เฮ้ย นอกเรื่องแล้ว!! โดยปกติแล้วรถเอสยูวีทั่วไปก็สามารถเลือกเปิด
ได้สองแบบ แต่จะเป็นการเปิดกระจกบนเสียมากกว่า

การเปิดแบบนี้เมื่อมานั่งคิดดูดีๆแล้ว จะพบว่าการเปิดบานเล็ก
(เรียกแบบนี้ละกัน)ไม่ได้เป็นการเปิดเข้าไปในห้องโดยสาร เปิดแค่
ช่วงเก็บของ คนนั่งด้านหลังจะได้ไม่รู้สึกว่าเราทำอะไรบนหัวเขา
ขณะที่เราเก็บของ(ถ้ามีคนนั่งนะ) และยังกันกลิ่นไม่พึ่งประสงค์เข้า
ไปในห้องโดยสารได้อีกด้วย
...
เครื่องยนต์เป็นสิ่งที่นับว่าเป็นหัวใจหลักของBMW และ จะต้องเป็น
เครื่องแบบหกสูบแถวเรียง ถ้าอยากรู้ว่าทำไมต้องเป็นหกสูบแถสเรียง
คงต้องเล่าถึงพงศาวดารขอมันพอเป็นสังเขปละกัน
...
หกสูบแถวเรียงเริ่มมีตั้งแต่มีซีรี่ย์ห้ากำเนิดขึ้นมาในโลก กับบอดี้E12
แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นเครื่องอะไร จนมาถึงบอดี้E28 ด้วยเครื่องยนต์รหัส
M20 ในตัวที่ทำตลาดหลักๆจะเป็นความจุ 2ลิตร 129แรงม้า และใช้
เครื่องบล็อกนี้มาจนถึงบอดี้E34 ในช่วงสองปีแรก แล้วจึงมาใช้
เครื่องใหม่ คือ M50B25 ความจุ2.5ลิตร 193แรงม้า เมื่อถึงE39
ก็หันมาใช้เครื่องยนต์ที่มีระบบวาล์วแปรผันคู่ คือ M50B28 ขยาย
ความจุเพิ่มขึ้น แต่ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม แรงม้าเท่าเดิมแป๊ะ!!
...
เมื่อมาถึงE60 ซีรี่ย์5 โฉมปัจจุบัน หันมาใช้เครื่องยนต์รหัสN52 ที่มี
น้ำหนักเบากว่า ให้กำลังที่สูงกว่าถึง 218แรงม้า(2.5ลิตร) และ
231แรงม้า ในตัว3ลิตร โดยที่เครื่องยนต์ที่กล่าวมานั้นไม่มีตัวไหน
ที่มีระบบเทอร์โบ แต่หลังจากนี้นั้น BMWจะใช้เทอร์โบเข้ามาช่วย
เพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ ตามแบบสมัยนิยม ที่คนอื่นทำกัน
ใน535i นี้จะใช้เครื่องยนต์ดังต่อไปนี้
BMW 535i Gran Turismo:
straight-six gasoline engine with TwinPower Turbo
High Precision Injection and VALVETRONIC
Capacity: 2,979 cc
max output: 225 kW/306 hp at 5,800 rpm
max torque: 400 Nm/295 lb-ft from 1,200–5,000 rpm
Acceleration 0–100 km/h: 6.3 seconds
Top speed: 250 km/h (155 mph)
CO2 emissions to the EU standard: 209 g/km
emission standard: EU5
...
เครื่องยนต์ที่ใช้มิได้เป็นเครื่องใหม่แต่อย่างใด หากแต่เคยปรากฏให้
พบแล้ว ใน135i น้องเล็กตัวจี๊ดของเรา เพราะเทียบดูจากแรงม้า และ
แรงบิดแล้วเท่ากันพอดี อย่างไรก็ตามความสามรถของเครื่องยนต์นั้น
คงต้องรถให้เปิดตัวอย่างจริงๆจังๆซะก่อน
(ดูข้อมูล135i ที่นี่ http://puppy-e34.blogspot.com/2009/05/135i.html )
...
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วคุณก็เป็นแฟนของBMW ล่ะก็ คุณจะพบว่าภาพ
ภายในของทั้งสามรุ่นที่เอามาเทียบให้ดูนั้น มาจากคนละสำนักกัน ดังนี้
E34 alpina E60 M5 และ F10 original ซึ่งจริงๆแล้วไม่ควรจะนำมา
เทียบกัน เพราะอยู่กันคนละพื้นฐาน แต่ก็พอจะให้เห็นความเปลี่ยนแปลง
ได้อยู่บ้างหล่ะ
...
โดยสรุปแล้วอย่างเพิ่งไปคิดว่าภาพทั้งหมดนี้ ออปชั่นทั้งหมด จะพบใน
รถที่ขายจริง อีกทั้งเมื่อเข้ามาในไทยแล้วจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ จะถูกหั่น
อะไรออกไปบ้าง คงเป็นเรื่องของอนาคตที่ยังต้องลุ้นกันต่อไป
....



ภาพ 535i ทั้งหมดในบทความนี้นำมาจาก Autoblog.com
ส่วนภาพที่เปรียบเทียบนั้นทำเองจ่ะ ^^
...
พิเศษที่อยากจะแถมตอนท้ายคือเครื่องยนต์ต่างๆที่จะบรรจุใน GT
...
BMW 550i Gran Turismo: V8 gasoline engine
with TwinPower Turbo and High Precision Injection
Capacity: 4, 395 cc,
max output: 300 kW/407 hp from 5, 500–6,400 rpm,
max torque: 600 Nm/442 lb-ft from 1,750–4,500 rpm
Acceleration 0–100 km/h: 5.5 seconds
Top speed: 250 km/h (155 mph)
...
BMW 530d Gran Turismo:straight-six diesel engine
with aluminium crankcase and third-generation
common-rail direct fuel injection (piezo-injectors),
max injection pressure: 1,800 bar
Capacity: 2,993 cc,
max output: 180 kW/245 hp at 4,000 rpm,
max torque: 540 Nm/398 lb-ft from 1,750–3,000 rpm
Acceleration 0–100 km/h: 6.9 seconds
Top speed: 240 km/h (149 mph)

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

เปิดตำนาน ///M-sport กับ E12

ทุกมวลมหากาฬย่อมมีจุดเริ่มต้น เฉกเช่นเดียวกันกับ สายพันธุ์ m5
จุดเริ่มต้นของมันก็มาพร้อมกับจุดเริ่มต้นของซีรี่ย์5 บนบอดี้ E12
สำหรับบอดี้นี้ แม้จะเป็นซีรี่ย์5 แต่ก็ไม่ได้ใช้รหัสM5 (รหัสM5เริ่มใช้
ครั้งแรกในE34) แต่จะใช้รหัสเป็นM535i และที่เห็นอยู่นี้เป็นผลการ
ทดสอบที่ฝรั่งเขาทำไว้(พวงมาลัยขวาด้วยล่ะ) เจอในเนตด้วยความ
บังเอิญ ไม่นานมานี้เอง เลยเอามาให้ดูกัน แล้วก็แปลกันเอาเองนะ





:: สรุปด้านเครื่องยนต์ ::
3,453cc หกสูบแถวเรียง บล็อกสูบเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์
ระบบจ่ายน้ำมันแบบ L-jetronic
ให้กำลังสูงสุด 218แรงม้า ที่ 5,200รอบ/นาที
.
ในสมัยนั้นก็นับว่าแรงมากทีเดียว เมื่อเทียบกับคู่แข่งของมัน แต่ถ้า
เทียบกับรถในปัจจุบัน ความแรงขนาดนี้เท่ากับ525i พอดีเลย แต่
มีความจุเพียงแค่2.5ลิตรเอง ทำให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของ
เทคโนโลยีของBMWได้เป็นอย่างดี
มีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าตลกคือ ซีรี่ย์5รุ่นแรกนี้สั้นกว่าE60อยู่ถึง 22ซม.
แคบกว่าถึง 15ซม. แต่ก็เป็นการพัฒนาดีขึ้นของซีรี่ย์5เค้าล่ะ
.
อย่างว่าแหละโลกมันเปลี่ยนไป แต่ขออย่าให้ใจของเราเปลี่ยนตาม
..
..
เฮ้อ เห็นแบบนี้แล้วอยากได้E12 ซักคันจริงๆเล้ย!!

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

สุดยอดแห่งความแรง BMW M5

นานแล้วที่ผมไม่ได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับBMW วันนี้ฤกษ์ดี มีสิ่งดีๆ
เกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น ม็อบเสื้อแดง? พันธมิตรตีกะชาวบ้าน? และ
ได้แชมป์เอเอฟคนที่6 ซึ่งเป็นแชมป์หญิงคนแรก ไชโย!!!
.
แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนวะเนี่ย งงตัวเอง ?
.
บทความในวันนี้จะเป็นบทความที่สวนกระแสอย่างยิ่ง ทำไมล่ะ?
เพราะมันเปลืองเชื้อเพลิง (ไม่มีคันไหนกินน้อยกว่า7กม./ลิตรเลย)
ราคาแพง คันใหญ่ แต่มันแรงโคตรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
นั่นคือ BMW M5 ท็อปไลน์ของซีรี่ย์5
วันนี้จะมาเล่าเป็นตำนานแบบพอสังเขป เอาแบบสั้นๆไปก่อนละกัน
.
::: BMW E34 M5 :::

ผู้เปิดตำนานแห่งความแพง? E34ในประเทศไทยเรานั้นมีชื่อเสียง
(เสีย)มาก ในเรื่องของอะไหล่ที่แพง แต่มันก็เป็นรถที่คนหลายคน
หมายปองอยากเป็นเจ้าของ มาพูดถึงตัวM5บ้างดีกว่า แน่นอนว่า
ในไทยคงจะไม่มีคันที่เป็นM5แท้หรอก(คงจะ) ส่วนมากแล้วจะเอา
E34เดิมๆนี่แหละมาแปลงซะใหม่ วางเครื่องใหม่ ชุดแต่งรอบคัน
แม้กระทั่งอุปกรณ์ภายใน เรียกได้ว่าแปลงร่างซะใหม่หมดจดเลย
ผลที่ได้ก็สวยงามมากทีเดียวหล่ะ แต่ต้องแลกด้วยราคาที่แพงงง
อีกแล้ว คิดดูนะ เครื่องรถที่อายุเกือบ20ปี แต่ราคาเป็นแสน+ เจี๊ยกก
แพงอยู่นา บอดี้พาร์ทแท้รอบคัน โหๆๆ
ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าถ้าไปเจอบนท้องถนนล่ะก็ ถ้าไม่แน่จริงอย่า
อย่าไปท้าเขา อย่าคิดว่าเค้าแก่ คงจะหมดเรี่ยวแรง
อายุอานามขนาดนี้ แต่ก็งัดข้อกับรถรุ่นใหม่ๆได้สบาย ยังหลงเหลือ
ความร้ายกาจอยู่ในตัวมากทีเดียว
.
::ข้อมูลด้านวิศวกรรม::
6สูบ แถวเรียง รหัสS38B38 ความจุ 3.8ลิตร
กำลังสูงสุด 340แรงม้าที่ 6,900รอบต่อนาที
.
::: BMW E39 M5 :::


E39เข้ามาแทนที่E34 โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่หลายอย่าง โดย
รวมด้านเครื่องยนต์เปลี่ยนแปลงมากที่สุด จากแบบ6สูบแถวเรียง
มาเป็นแบบV8สูบ นั่นแสดงถึงความร้ายกาจที่มากขึ้นจากเดิม
ในประเทศไทยแล้ว นับว่าM5 E39หาได้ค่อนข้างยาก ไม่ว่าจะ
เป็นรถแท้ และแปลงร่าง เพราะมันย่อมใช้เงินในการแปลงร่าง
ที่มากกว่าE34 แต่อาจจะเห็นแต่งเฉพาะบอดี้พาร์ท แล้วก็เอาโลโก้
มาติดขู่ไว้เฉยๆเสียมากกว่า
E39 M5นั้น คงจะดูเป็นM5ที่หน้าตาดูเป็นมิตรที่สุดแล้ว ออกแนว
ใจดี มีเมตตา ไม่ดุดันเหมือนกันพี่น้องของมัน แต่ไม่ใช่กับเรื่อง
ความแรงของเครื่องยนต์ที่ไม่ยอมเป็นรองใครอยู่แล้ว
.
::ข้อมูลด้านวิศวกรรม::
เครื่องยนต์ใช้แบบV8 รหัส S62 ความจุ 4.9ลิตร
กำลังสูงสุด 400แรงม้าที่ 6,600รอบต่อนาที
.
::: BMW E60 M5 :::


สัจจะธรรมของโลก มันแน่นอนว่าอะไรที่ใหม่สดกว่า ย่อมแรงกว่า
M5 E60 เป็นผู้ที่รับหน้าที่ทำตลาดในขณะนี้ต่อจากพี่ๆของมัน
และมันก็ทำหน้าที่ได้ดี ถึงขั้นดีมากกก รูปทรงที่มีหลักอากาศ
พลศาสตร์ที่ดีที่สุดในโลก ระบบช่วงล่างที่สามารถให้ความไว้วาง
ใจได้ทุกครั้งเมื่อกดความเร็วถึง250กม./ชั่วโมง
จากเครื่องยนต์แบบV10สูบ ความจุถึง5ลิตรด้วยกัน วิศวกรแห่งเมือง
เบียร์ได้เค้นกำลังออกมาได้ถึง 507แรงม้า โดยที่เครื่องตัวนี้ได้รับ
รางวัลEngine of the yearหลายปีมาก
ตอนนี้ก็ถึงช่วงบั้นปลายชีวิตของM5 E60กันแล้ว ภาระที่มันได้แบกรับ
มาหลายปีก็ถึงเวลาส่งต่อให่น้องใหม่เข้ามาประจำการแทน
ก็ได้แต่คาดหวังว่า ในรุ่นถัดไปจะได้รับความนิยม และมีความ
ร้อนแรงไม่แพ้พวกพี่ๆของมัน
.
::: Next Generation Of M5 :::

มันก็เป็นแค่ภาพCGเท่านั้นแหละ แต่ก็คิดว่าคงไม่ต่างไปจากนี้มาก
มายนัก เพราะซีรี่ย์5ใหม่ที่เป็นรถพื้นฐานก็มีหน้าตาแบบนี้แหละ
เอาเป็นว่ามารอลุ้นขุมกำลังของมันกันดีกว่า แต่หวังว่าคงไม่ใช่
เครื่องของX6Mหรอกนะ =_='
.
เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2009
โพสเมื่อ 20กันยายน 2009

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

LANCER EX มาแล้ววันนี้พร้อมกับสิ่งเหนือคาด

เมื่อเช้าวันนี้(15 กย.52) มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยจัดงานเแถลง
ข่าวเปิดตัว mitsubishi lancer EX อย่างเป็นทางการ และพร้อมเปิดให้
จองพร้อมกันที่โชว์รูมทั่วประเทศในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

ในงานแถลงข่าว ทางมิตซูบิชิได้แจ้งให้ทราบถึงขุมกำลังของlancer EX
โดยมีให้เลือก 2ขนาด คือ 1.8 และ 2.0 ตามสมัยนิยม โดยที่หัวข้อกล่าว
ว่าเปิดตัวพร้อมกับสิ่งที่เหนือคาด นั่นคือเรื่องของเครื่องยนต์นี่แหละ และ
แทบจะเรียกได้ว่าหายใจรดต้นคอฮอนด้าเลยทีเดียวเชียว
.
ขอแนะนำบล็อกแรกด้วยเครื่อง2.0ที่มาในรหัสใหม่ 4B11 DOHC MIVEC
ให้กำลังสูงสุด154แรงม้า ที่6,000รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุดในกลุ่ม คือ
20กก.-ม. ที่4,250รอบ/นาที ในขณะที่เจ้าตลาดอย่าง civic มีแรงม้าอยู่ที่
155แรงม้า ที่6,000รอบ และ แรงบิด 19กก.-ม.ที่ 4,500รอบต่อนาที
เปรียบเทียบตัวเลขขนาดนี้แล้ว อูยยย หนาวๆร้อนๆได้แล้วละครับฮอนด้า
.
ส่วนไอ้เจ้าเครื่องยนต์1.8นี่แหละครับ ที่ต้องเรียกว่าเหนือคาดจริงๆ คงต้อง
ตรบมือให้กับความกล้าของมิตซูบิชิ อย่างงี้สิผมชอบ เอิ๊กๆ
ตอนแรกๆได้ยินข่าว ผมเองก็คิดว่าเค้าคงไม่กล้าหรอก กับเครื่องบล็อกนี้
4B10 1.8ลิตร MIVEC ให้กำลังสูงสุด 139แรงม้า ที่6,000รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 17.55กก.-ม. ที่4,200รอบ/นาที เรี่ยงแรงถือว่าพอมาพอไป
แต่!!!! สามารถเติมน้ำมันได้ตั้งแต่ เบนซิน95 ไปยัน E85 หมายความว่า
lancer1.8 เติมเบนซินได้ทุกชนิดที่มีในประเทศไทย โอ้วพระเจ้า
.
ทั้งคู่ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT พร้อมติดตั้งระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบ
INVECS-III แบบ 6จังหวะ เติมเต็มความเร้าใจด้วยฟังก์ชั่น Sport Mode
ให้การปรับเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและแม่นยำ เหมาะสมในทุกรอบความเร็ว
ของเครื่องยนต์


.

ภายในออกแบบได้ลงตัวมากขึ้น(มากกว่ารุ่นก่อนเยอะ) ในรุ่น2.0จะเป็น
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ดังในภาพ ควบคุมเครื่องเสียง(Cruise Control)
และควบคุมระบบการเปลี่ยนเกียร์(Paddle Shift)
ระบบเครื่องเสียงวิทยุซีดี MP3 แบบ 6แผ่น พร้อมลำโพง 6ตำแหน่ง
ในรุ่น GT รุ่นGLS-Ltd. และ GLS ในขณะที่รุ่น GLX มาพร้อมวิทยุซีดี
MP3 แบบ 1 แผ่น พร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง
(แบบว่าอยากได้แบบที่ไม่ใช่เครื่องเล่นbuilt-inอ่ะ เผื่อไม่ชอบใจจะได้
เอาไปเปลี่ยนง่ายๆหน่อย เหมือนบังคับให้ใช้ยังไงก็ไม่รู้TT)

Lancer EX มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น และมี 5 สีตัวถังให้เลือก
ทั้ง สีแดง สีบรอนซ์เงิน สีบรอนซ์ทอง สีเทาดำ และสีดำ
มีราคาขายดังนี้:
1. 1.8 MIVEC GLX ราคา 831,000 บาท
2. 1.8 MIVEC GLS ราคา 886,000 บาท
3. 1.8 MIVEC GLS-Ltd. ราคา 899,000 บาท
4. 2.0 MIVEC GT ราคา 1,034,000 บาท

.
ราคาก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เหนือคาดเหมือนกันTT แต่ก็พอรับได้
.
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมเฝ้าถามตัวเองว่าถ้าจะมีรถขนาดเล็กซักคันนึง
เป็นของตัว ควรจะเป็นยี่ห้อไหนดี ตอนนี้แหละผมได้เจอคำตอบที่ "ใช่"
แล้วคุณล่ะเจอรึยัง..........................
"
ดูข้อมูลเพิ่มเติม Evo X FQ-400
http://puppy-e34.blogspot.com/2009/06/evo-x-fq-400-0-100-38.html