วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

from M50 to M52 Part3

:: ปัญหาต่างๆที่อาจพบระหว่างการเปลี่ยนเครื่องยนต์ ::

จากที่เกริ่นไว้ในPartแรกๆ การเปลี่ยนเครื่องจาก M50tu เป็น M52
สามารถทำได้ไม่ยากนัก เพราะเป็น single-vanos เช่นเดียวกัน ระบบไฟไม่ต่าง
แค่ยกเครื่องเก่าออก ตัดต่อ เสียบสายกลับให้ถูกต้องก็เสร็จเรียบร้อย
แต่ถ้ารถใครปีเก่า เป็นเครื่อง M20 หรือ M50 Non-vanos ระบบไฟฟ้าก็
จะมีความแตกต่างมากพอสมควร ดังนั้นความยากก็จะเพิ่มขึ้นมากทีเดียวซึ่งมา
จากการที่ต้องวายริ่งสายไฟใหม่ทั้งหมด และปัญหาก็มักจะเกิดคือวายริ่งไม่จบ
งานก็เลยจบแบบไม่เสร็จ
ถ้าเราไม่เน้นว่าจะต้องเป็นM52 ช่างต่างๆเค้าก็จะแนะนำให้ยกหัวปีใหม่ๆ
มา แล้ววางจะจบง่าย ได้ของครบ ส่วนจะเป็น525 530 540 ก็ตามกำลังทรัพย์
แต่ในที่นี้ ผมเลือกM52!!!!!!!!

ในPartนี้ผมจึงจะพยายามเขียนปัญหาที่พบ+สิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติม เท่าทีพอ
จะจำได้ เพื่อหวังว่าจะเป็นแนวทางได้บ้าง (ในกรณีนี้รถผมเป็น M50B20 ปี91)

1 สิ่งแรกที่ต้องทำ คือการแปลงแคร้ง เช่นถ้านำเครื่องยนต์มาจากซีรี่ย์3 แคร้ง
จะไม่เหมือนกับE34 จะต้องทำการแปลงแคร้งเสียก่อน

2 ระบบหล่อเย็นต่างๆ ใช้ชุดเดิมได้ทั้งหมด เอาอยู่ ถ้ายังอยู่ในสภาพดีพอ เพราะ
เครื่องM52เป็นอลูมิเนียม จะอ่อนไหวกว่า M50 ดังนั้นอาจใช้Coolantช่วย
เติมลงไปในหม้อน้ำจะดีมากขึ้น (เมื่อตอนใช้M50 ผมใช้น้ำเปล่า)

3 ระบบเบรก ถ้ารถของท่านเป็น525i อยู่แล้ว การใช้เบรกเดิมย่อมไม่มีปัญหาใดๆ
แต่ถ้าเป็น520 ควรจะต้องอัพเกรดระบบห้ามล้อ เช่นการเพิ่มเป็นจานรูระบาย
หรือเปลี่ยนเป็นเบรคของ525 ไม่งั้นก็ใช้เบรคแต่งไปเลยก็ได้ ตามงบประมาณที่มี

4 ถ้าเป็น520i ระบบท่อไอเสีย จะไม่มีแคท ดังนั้นถ้าจะวายริ่งสายไฟให้ครบๆ
จะต้องต่อแคทเข้าไปด้วย (จริงๆแล้วคิดว่าก็ไม่ค่อยจำเป็นนะ บางคนถอดทิ้งก็มี)

5 ถ้าเป็น520i เบอร์เฟืองท้ายจะเป็นเบอร์ใหญ่(ใช่มั้ง) หากเราไม่เปลี่ยน ต้นจะมา
ไวมาก แต่ปลายก็หมดไวมากเช่นกัน(ผมเข้าใจถูกมั้ยหว่า)
เอาเป็นว่ามันต้องเปลี่ยนเฟืองท้ายให้มันเหมาะสมละกัน แล้วแต่สูตรใครสูตรมัน^^

6 เรือนไมล์ ถ้าเป็น240 ก็ควรจะเปลี่ยนให้เป็น260ซะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว และเมื่อ
เสร็จแล้วฟังก์ชั่นต่างๆก็ควรจะใช้ได้ทั้งหมด ครบๆ
แก้ไข คือไม่ว่าจะยังไงก็ต้องเปลี่ยนครับ ฟังก์ชันจะได้ครบ ไม่ใช่แค่พอวิ่งได้

7 กล่องฟิวส์ และแผงใต้เบาะ ถ้าระบบมันเก่า มันจะไม่สามารถใช้ร่วมกันได้เลย
จึงต้องทำการเปลี่ยนซะ จากภาพเป็นตัวอย่างของรถผม
จะเห็นได้ชัดเจนว่า ของเดิมมันค่อนข้างจะเละเทะมากทีเดียว อีกทั้งยังมีปัญหาของ
ระบบพัดลมหน้าเครื่อง จากภาพBeforeจะเห็นว่าผมได้เอารีเลย์พัดลมแยกออกมา
แล้วมันก็ยังไม่เวิร์คไหม้ตลอดๆ

8 ระบบไฟ ต้องได้มาครบๆ+กับประสบการณ์ของช่าง ไม่งั้นวิ่งได้แต่ไม่จบ
เพิ่มเติม(16/4/56) หลังจากที่ใช้งานพบว่าที่อู่เค้าได้วายริ่งระบบไฟมาให้ครบมากๆ
ระบบแจ้งเตือนทุกอย่างครบ อาทิ Door Open เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมไม่ได้คาดหวัง
เพราะก่อนเปลี่ยนเครื่อง รถปีเก่าๆอย่างผมมันจะไม่มีระบบอะไรพวกนี้
ก็ต้องขอบคุณทางอู่BMราชบุรี ที่จัดเต็มให้ขนาดนี้

9 ข้อนี้เป็นปัญหาหลังจากวางเครื่องแล้ว คือ หน้ารถลอยขึ้นมาเฉยเลย ?
ก็เคยได้ยินมาว่าเครื่องมันเบากว่า แต่ก็ไม่คิดว่าเครื่องมันจะเบากว่ากันขนาดนี้
อาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่มันก็เป็นไปแล้ว
เพิ่มเติม เครื่องยนต์M50 non-vanosนั้นจะมีน้ำหนักที่ 190กว่าๆ แต่เครื่อง
M52 single-vanos จะหนักประมาณ170กก. เบากว่ากันตั้ง20กก. เยอะนะจ๊ะ)
(ทางอู่ได้ลองเปลี่ยนโช๊คกับสปริงไปหลายชุดแล้ว ก็ยังเหมือนเดิม)
วิธีแก้ทำไง? ก็คงต้องไปหาโช๊ค+สปริงแต่งเตี้ยน้อยมาใส่ แต่อย่าไปตัดสปริงนะ
มันไม่เวิร์คหรอก จริงๆ หรือ อีกวิธีนึง คือในเมื่อหน้ารถมันลอย ตูดจม ก็เสริมตูด
ซะ ให้มันดูเท่าๆกัน วิธีนี้เป็นวิธีที่ผมเลือก ถึงมันจะทำให้รถสูงขึ้นไปกว่าปกติ
นิดหน่อยแต่ก็รถก็ดูสมมาตรขึ้นกว่าเดิม

หลายคนอาจจะบอกว่ามันไม่จบหรอก วางM52ในE34น่ะ ผมยืนยันนั่งยันว่าจบครับ
ขึ้นกับของที่ได้มา และประสบการณ์ความสามารถของช่าง

:: เล่าด้วยภาพ ::
ระยะห่าง ของเครื่องกับแผงหม้อน้ำ (หม้อน้ำใช้ของเดิมได้ แต่ผมเปลี่ยน)

กรองอากาศ และอุปกรณ์ต่างๆอยู่ในตำแหน่งเดียวกับm50 ใช้ของเดิมได้
(ที่มันโล่งๆเพราะท่อไดชาร์จมันDisappearไปนะครับ555+)
งานวายริ่งสายไฟ ต้องรื้อวายใหม่เกือบหมด(กรณีที่รถปีเก่ามาก)

กล่องเก็บสายไฟ อันนี้เปลี่ยนใหม่ ของเดิมจะเข้ารูปกับตัวถัง แต่เหมือนจะ
ยัดสายไฟได้ไม่ครบ เลยต้องหาของคันอื่นมาใส่ ก็เรียบร้อยใช้ได้
(คิดว่าเป็นของE36 ยกมาพร้อมกับชุดสายไฟ)

partต่อไปจะเป็นPartสั้นๆ รายงานสรุปผลการใช้งาน M52B28 และ
แนวทางการปรับแต่ง M52


ถ้ามีข้อสงสัย หรือผมผิดพลาดประการใด หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ติดต่อได้ที่ puppy_e34@hotmail.com

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

from M50 to M52 Part2

:: ตามหาอู่เปลี่ยนเครื่อง ::
จากPartที่แล้ว ได้เล่าถึงที่มาที่ไปของการเปลี่ยนเครื่องยนต์ในครั้งนี้ และ
ได้ข้อสรุปแล้วว่าผมจะวางเครื่องยนต์M52ในE34สุดที่รัก ผมจึงเริ่มปฏิบัติการ
เปิดเวปต่างๆที่มีโพสขายเครื่องที่ตัดมาจากญี่ปุ่น เริ่มหาข้อมูลปัญหาการวางใน
บอดี้E34 แต่ผมก็ต้องผิดหวัง เพราะข้อมูลเหล่านี้มีน้อยมาก นอกจากนี้แล้วอู่ที่
รับวางนั้นก็มีน้อยมาก

อู่แรกที่โทรไปติดต่อ อยู่ในกทม.ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่นัก แต่เมื่อคุยกับ
เค้าแล้ว รู้สึกเองว่าเค้าไม่ค่อยมั่นใจในการวางเครื่องM52ลงในE34เลย คอยแต่
เชียร์ให้วางM50เหมือนเดิม เออะ อยากจะบอกว่าพี่ครับ ผมอยากได้อะไรที่มัน
แปลกใหม่ ก็เลยจบการสนทนาไปสำหรับเจ้านี้
ผมก็โทรหาอู่นั้นอู่นี้ไปเรื่อย............บลาๆๆๆ ก็ไม่มีใครให้ความมั่นใจได้เลย
ว่าถ้าวางแล้วจะจบแบบเนียนๆ
เชื่อมั้ยว่าระหว่างที่หาอู่เนี่ย รถผมก็จอดอยู่เฉยๆ เกือบปี!! มันก็เริ่มโทรมไปเรื่อยๆ
และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง วันที่ปลายสายจะตอบได้โดยไม่ลังเลนักว่าOk
เค้าบอกผมว่า มีให้เลือกทั้ง M52B25 M52B28 ผมตกลงทางโทรศัพท์ไปว่าจะ
เอาเครื่องM52B25 เค้าก็แจ้งราคามาในระดับที่ผมรับได้
พอวันที่เดินทางไปดูเครื่อง เค้าบอกว่าเครื่องM52B25มีคนมาอ้อนวอนสอยเอา
ฝาไปแล้ว T^T ผมก็แบบว่า เออะ แล้วผมจะทำไงอ่ะพี่ เค้าบอกว่าเป็นM52B28
ได้มั้ย ผมบอกว่าก็ได้ แต่งบไม่พอ(ตอนแรกเค้าแจ้งค่าวาง B28สูงกว่า B25ลิบ)
คุยไปคุยมา เค้าก็เลยตกลงวาง B28ให้ในราคาB25 O_o ว้าว เซอร์ไพรส์จัง
ก็เลยมาลงเอากับเจ้านี่

:: วันส่งรถ ::
เนื่องจากอู่เค้าอยู่ถึงราชบุรี (ผมควรจะโพสชื่อป่ะ ไม่ได้ขออนุญาตที่อู่ไว้
แต่ก็คิดว่าน่าจะรู้กันแหละ) พ่อผมเป็นคนนำรถไปส่ง วิ่งไปทั้งๆที่เกียร์มันเสีย
นั่นแหละ แค่นี้ก็ลำบากแล้ว แต่ความลำบากยังไม่จบ อย่างที่ผมบอกว่ามันจอด
นานมากแล้ว แอร์มันก็เลยไม่ติดเอาดื้อๆ ร้อนสิครับ "" ไอ้ที่ควรติดก็ไม่ติด
ยัง... ยังไม่จบแค่นั้น ไอ้ที่ไม่ควรติดก็ติด ... เบรกครับ ไหม้ไปเลย ต้องจอดซ่อม
อู่ในปั๊มข้างทาง ทั้งๆที่จะต้องเปลี่ยนมันอยู่แล้ว (เบรกเดิมเอาB28ไม่อยู่หรอก)
แต่ก็จำใจ เพราะต้องไปต่อ
หมดไปหนึ่งวันที่แสนทรมาน(ของพ่อผม555+)

เชื่อมั้ยครับว่าหลังจากที่ส่งรถแล้ว ก็ไปเยี่ยมเยียนมันแค่สองครั้งเอง โดยครั้งแรก
หลังจากส่งรถไปหนึ่งสัปดาห์ ผลปรากฏว่าเค้ายกเครื่องเก่าออกมา แล้ววางเจ้า
B28ลงไปแล้ว ดังที่เห็น

ในความรู้สึกผมเหมือนกับว่ามันก็ใกล้เสร็จละสิเนี่ย แต่ความเป็นจริงแล้ว
นี่คือส่วนที่ง่ายที่สุด ส่วนที่ยากคือการวายริ่งสายไปต่างๆให้ครบ
ถ้าวางในE34ทั่วไปก็คงไม่ยากหรอกครับ แต่ทำไมรถผมถึงยาก เดี๋ยวจะ
แจ้งให้ทราบในPartถัดไป

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

from M50 to M52 Part1

:: บทนำ ::
ก่อนที่เราจะมาเข้าเรื่องราวความเป็นไปของการเปลี่ยนเครื่องครั้งนี้
เรามาดูข้อมูลสมรรถนะเปรียบเทียบกันก่อน


เริ่มจากM50B20 เครื่องยนต์เก่าของผม พิกัดความจุอยู่ที่ 2.0ลิตร
กำลังอยู่ที่150แรงม้า เรี่ยวแรงก็ถือว่าค่อนข้างดีใช้ได้ เมื่อเทีบบกับรถที่มี
ขนาด2.0ในปัจจุบัน แต่!! ไม่เพียงพอกับการลากรถที่มีน้ำหนักมาก ราวๆ
1.6ตัน ทำให้อัตรสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยพุ่งไปแตะที่ 6-7km/L !!!
ถ้าวิ่งฝ่าการจราจรในเมืองอัตราการซดอยู่ที่ 4-5km/L ซึ่งมันมากเกินไป
หากจะใช้ในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้เครื่องM50B20นั้น รับภาระลากตัวที่มีน้ำหนักมาก อัตราเร่ง
อืดอาดในช่วงออกตัว อัตรเร่งแซงในย่านความเร็วต่ำๆค่อนข้างอึดอัด
แต่จะไปแผลงฤทธิ์ในรอบสูง ถือได้ว่าจี๊ดจ๊าดสะใจไม่น้อย แต่ถ้าต้องเบรก
อย่างกะทันหันแล้ว จะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะกลับไปอยู่ย่าน
ความเร็วสูงได้อีกครั้ง (ประสบการณ์จริง)
ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมเปลี่ยนเครื่องยนต์ครั้งนี้
แต่เหตุผลหลักคือ เกียร์อัตโนมัติ4สปีด ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานก็ถึง
เวลาของมันที่จะกลับไปบ้านเก่าของมัน ครั้นจะซ่อมก็แพง+ไม่ค่อยคุม
โจทย์แรกก็ผ่านไปโดยคำตอบคือ ผมคงไม่ซ่อม 555+
ด้วยเหตุผลต่างๆมีมากพอ(มั้ย?) ผมจึงทำเรื่องขออนุมัติเพื่อทำการ
เปลี่ยนเครื่องยนต์ แล้วทีนี้ก็เริ่มตั้งโจทย์ใหม่ว่าจะวางเครื่องอะไร?
โจทย์นี้ยากครับ เพราะต้องตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ดังนี้
1 ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม(บ้างก็ยังดี)
2 แรงดีกว่า อัตราเร่งดีกว่า
3 ฟีลลิ่งในการขับขี่ไม่ต่างจากเดิม อารมณ์ไม่เปลี่ยน
4 ดูแลรักษาง่าย (ไม่เอาโบ เอาหายใจธรรมดา)

เครื่องยนต์ที่สามารถวางในE34ได้นั้น ต้องเป็นเครื่องยนต์ขับหลัง
กำลังค่อนข้างสูง ตัวเลือกของเราที่สามารถวางได้จึงมีดังนี้
1 M50B25 ไม่ข้ามพันธุ์ วางง่าย แรงดี แต่เดิมๆ
2 M52B28 ข้ามรุ่น ไม่ข้ามพันธุ์ แรงดี กำลังสูง แต่แปลงเยอะหน่อย
3 M60B40 ถ้ามาทั้งหัวครบชุดก็จบ แรงดีมาก แต่ราคาสูง
4 1JZ-GE ข้ามพันธุ์ เหมือนจะประหยัด แต่แรงไม่ดี ลากไม่ค่อยไหว
5 1JZ-GTE นิยมมากสำหรับคนชอบความแรง โมได้เยอะ
6 2JZ-GE กำลังสูงแบบดิบๆ ไม่มีโบ
7 2JZ-GTE แรงดีมาก(จนเกินความจำเป็น)
8 1UZ-FE ค่าเครื่องถูกมากเมื่อเทียบกับกำลังที่ได้ แต่เปลืองน้ำมัน

ข้อมูลเครื่องยนต์JZ

จากโจทย์ที่เราตั้งไว้ 4ข้อ เราจึงตัดข้อเหล่านี้ออกไปได้ เนื่องจาก
ข้อ3และ8 สิ้นเปลืองน้ำมันไม่ต่างจากเดิม
(แก้ไข จากข้อ3 M60หากได้เครื่องที่ค่อนข้างสด สภาพดี วางดีๆ ก็ให้ความประหยัดได้ในระดับพอๆกับ พวกเครื่อง6สูบเลยทีเดียว แถมยังได้ความนิ่งกว่าอีกด้วย แต่ตัดประเด็นนี้ไปเพราะ ยุคนั้นหัวตัดมันค่อนข้างแพง)
ข้อ5และ7 เปลืองน้ำมัน และ มีเทอร์โบ ดูแลรักษายากไปนิด

สุดท้ายแล้ว ผมรู้สึกเองว่า ถ้าเราวางJZ-UZมันข้ามพันธุ์ไปหน่อย แปลงเยอะ
แล้วระบบฟังก์ชั่นต่างๆมันก็หายไป งานวายริ่งถ้าทำไม่ดีก็แค่วิ่งได้(แต่วิ่งไว)
แม้ว่ามันจะเป็นตัวเลือกที่ราคาค่าวางไม่สูงมาก กินน้ำมันก็คงจะไม่สาหัส
อะไหล่ถูกหาง่าย แต่มันเสียความเป็นBMWไป อีกทั้งปัญหาที่ได้เห็นมา
จากคนที่วาง JZก็คือ พวงมาลัยหนัก เพราะเครื่องมีน้ำหนักเยอะกว่าเดิม
แล้วยังไงก็ตาม ผมตั้งใจว่าจะไม่ติดแก๊สแน่นอน ดังนั้นเมื่อใช้น้ำมัน อัตราสิ้นเปลืองก็ดู
จะไม่ต่างกันมากนัก

(เพิ่มเติม หากใครที่คิดจะเปลี่ยนเครื่องยนต์E34 แล้วไม่ต้องการลงเครื่องBMWอีก อาจจะด้วยเหตุผลหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คงจะเป็นปัญหาของค่าใช้จ่ายในการวางเครื่อง แล้วก้ถ้าไม่ใช่คนชอบความแรงบ้าพลังแบบTurbo ผมเองแนะนำว่าให้ลง2JZไปเลย อย่าไปหวังอะไรกับเครื่อง1JZ แม้ว่าดูจากตารางกำลังเครื่องยนต์ใกล้เคียงกับM50แต่เมื่อมาใช้งานจริงหลายคนพบว่ามันไม่สามารถพาตัวถังE34ไปได้ สุดท้ายก็ต้องมาลง2JZกันใหม่ เสียเวลาเสียเงิน หรืออาจจะหันไปคบกับUZเลยก็ได้ แม้ว่าจะมีข้อเสียตามที่ได้กล่าวไว้ แต่ทุกปัยหาก็พอหาทางแก้ได้)

ส่วนM50B25 ค่อนข้างเดิมๆ วางแล้วไม่แตกต่าง ถึงแรงจะดี แต่ก็ไม่ค่อย
จะสดใหม่ เทคโนโลยีที่เก่ากว่า ดังนั้นผมจึงเลือก M52B28 ที่มีความจุที่
มากกว่า ส่งผลให้แรงบิดสูงกว่า แต่มาในรอบที่ต่ำกว่า ทางทฤษฎีแล้วควร
จะมีอัตราสิ้นเปลืองที่ต่ำกว่า (แต่ก็อย่าลืมว่าความจุมันสูงกว่า)
บวกกับการที่เครื่องM52นี้ จะมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ5สปีด ยิ่งทำให้ความสามารถ
ในการใช้รอบเครื่องมีเหมาะสมมากขึ้น

เมื่อตัดสินใจได้แล้วผมก็เริ่มออกตามหา อู่ดีๆที่จะกล้าวางเครื่องนี้ให้ผม
ซึ่งจะเล่าต่อไปในPart2ครับ ^^